หาของป่าหาย 5 วัน พบร่างกลางป่าลึก

17 ม.ค. 67

ชาวบ้านเข้าหาของป่า หายไปนาน 5 วัน พบกลายเป็นศพกลางป่าลึก เจ้าหน้าที่ต้องเดินเท้า 70 กม. กว่าจะสามารถนำร่างออกมาได้

วันที่ 17 มกราคม 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าขณะที่ ร.ต.อ.พิทักษ์ ดีแซง พนักงานสอบสวนปฏิบัติหน้าที่ร้อยเวร สภ.บ้านกลาง อ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ ได้รับแจ้งพบศพชายนอนเสียชีวิตอยู่กลางป่าลึก หลังหมู่บ้านวังยาว ม.6 ต.ปากช่อง อ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ ในเขตอุทยานแห่งชาติน้ำหนาวจึงได้ประสานไปยังเจ้าหน้าที่อุทยานตำรวจฝ่ายปกครอง ผู้นำชุมชน และอาสามูลนิธิร่วมกตัญญูหล่มสัก เพื่อออกตรวจสอบสภาพศพ และพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคล จากนั้นจึงเดินทางไปตรวจสอบพบว่าจุดดังกล่าวอยู่ในป่าลึก ต้องเดินด้วยเท้าเข้าไปประมาณ 30 กิโลเมตร พบศพนายสายันต์ เมืองแก่น อายุ 42 ปี ภูมิลำเนาอยู่ในหมู่บ้านวังยาว ม.6 ต.ปากช่อง อ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ สภาพศพสวมเสื้อแขนยาวสีดำเสื้อคลุมแขนยาวลายทหาร กางเกงขายาวสีดำ รองเท้าบูทสีดำ นอนเสียชีวิตในลักษณะนอนหงายมือกุมที่บริเวณท้องซึ่งมีลักษณะเป็นรูคล้ายถูกยิงขึ้นอืด มีหนอนชอนไชตามร่างกายส่งกลิ่นเหม็นคละคลุ้ง คาดว่าเสียชีวิตมาไม่ต่ำกว่า 3 วัน จึงได้ทำการตรวจสอบและเก็บหลักฐานโดยละเอียด เพื่อส่งพิสูจน์หาสาเหตุการเสียชีวิตต่อไป

จากการสอบสวนภรรยาของผู้ตายทราบว่า เมื่อวันที่ 10 ม.ค. 67 ที่ผ่านมา นายสายันต์ บอกว่าจะเข้าป่าไปหาของป่า ตามปกติที่เคยไปโดยบอกว่าจะกลับมาวันที่ 13 ม.ค. และเมื่อถึงวันที่ 13 แล้วสามียังไม่กลับออกมารู้สึกเป็นห่วง จึงได้ไปชวนญาติ ๆ และชาวบ้านรวมตัวกันเข้าป่าเพื่อไปตามหาจุดที่สามีเคยออกไปหาของป่า จนกระทั่งวันที่ 15 ม.ค. จึงพบว่าสามีกลายเป็นศพอยู่กลางป่าในสภาพที่เริ่มเน่าเหม็น มีหนอนเจาะชอนไชจนแทบจะจำไม่ได้ว่าเป็นใคร ทางภรรยาจดจำได้ว่าเป็นสามีของตนจากการแต่งกายและอุปกรณ์ที่พกติดตัวไปทางภรรยาและญาติจึงได้กลับออกมาในจุดที่มีสัญญาณโทรศัพท์ท้ายหมู่บ้าน เพื่อขอความช่วยเหลือและแจ้งเจ้าหน้าที่เพื่อตรวจสอบซึ่งเป็นไปด้วยความยากลำบากและทุลักทุเล เนื่องจากระยะทางไกลมากไปกลับเกือบ 70 กม. ในระยะทางป่าและเนินเขา ทำให้เจ้าหน้าที่ที่ลำเลียงศพออกมาเหนื่อยล้ากันเต็มที่กว่าจะนำออกมาได้ใช้เวลานานกว่า 18 ชั่วโมง จากนั้นจึงได้นำศพส่งชันสูตรพลิกศพที่โรงพยาบาลหล่มสักเพื่อหาสาเหตุการเสียชีวิตที่แท้จริงต่อไป

advertisement

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวทั่วไป เป็นกระแส