แม่ตั้งครรภ์ ระวังให้ดี! ยุงลายกัด ลูกเสี่ยงพัฒนาการช้า

14 ม.ค. 67

ตั้งครรภ์อย่าให้ยุงกัด ไวรัสซิกา ทำลูกน้อยเสี่ยงคลอดออกมามีความผิดปกติ เช่น ศีรษะเล็ก การได้ยินผิดปกติ และพัฒนาการช้า เป็นต้น

ในช่วงนี้ยังมีการแพร่ระบาดของโรคติดต่อนำโดย ยุงลาย อยู่เป็นระยะ โดยเฉพาะโรคติดเชื้อ ไวรัสซิกา โรคนี้สามารถติดต่อจากมารดาสู่ทารกในครรภ์ได้

ดังนั้น คุณแม่ตั้งครรภ์ต้องเฝ้าระวังและป้องกันตนเองอย่าให้ถูกยุงกัด เพราะหากแม่ติดเชื้อไวรัสซิกาแล้ว อาจส่งผลให้เด็กที่คลอดออกมามีความผิดปกติ เช่น ศีรษะเล็ก การได้ยินผิดปกติ และพัฒนาการช้า เป็นต้น

หากมีไข้ มีผื่นแดง เยื่อบุตาอักเสบ ปวดกล้ามเนื้อ ปวดข้อ อ่อนเพลีย ปวดศีรษะ ไม่ควรซื้อยามารับประทานเอง โดยเฉพาะยาลดไข้ในกลุ่ม เอ็นเสด (NSAIDs) เช่น ไอบูโพรเฟน ไดโครฟีแนก แอสไพริน รวมถึงยาชุด ควรรีบปรึกษาแพทย์และเข้ารับการรักษาทันที โดยเฉพาะหญิงตั้งครรภ์

นายแพทย์ทวีชัย วิษณุโยธิน ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 9 นครราชสีมา กล่าวถึงโรคติดเชื้อไวรัสซิกาว่า โรคนี้มียุงลายเป็นพาหะนำโรค เช่นเดียวกับโรคไข้เลือดออก และโรคไข้ปวดข้อยุงลาย ทำให้ผู้ป่วยมีผื่นแดงตามลำตัวและแขนขา มีไข้ อ่อนเพลีย ปวดศีรษะ ตาแดง และสามารถติดต่อจากมารดาสู่ทารกในครรภ์ และอาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรง คือ ทารกเกิดความพิการทางสมองและระบบประสาท ส่งผลให้ทารกที่เกิดมามีความผิดปกติ เช่น ศีรษะเล็ก การได้ยินผิดปกติ และพัฒนาการช้า เป็นต้น

สถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสซิกาในประเทศไทย ระหว่างวันที่ 1 มกราคม 2566 ถึง 3 มกราคม 2567 พบผู้ป่วยสะสมจำนวน 758 ราย ไม่พบผู้เสียชีวิต กระจายอยู่ใน 36 จังหวัด โดยพบผู้ป่วยสูงสุดในจังหวัดจันทบุรี รองลงมาจังหวัดเพชรบูรณ์ และจังหวัดตราด ตามลำดับ

สถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสซิกาในเขตสุขภาพที่ 9 ระหว่างวันที่ 1 มกราคม 2566 ถึง 3 มกราคม 2567 พบผู้ป่วยสะสมจำนวน 19 ราย ไม่มีผู้เสียชีวิต โดยพบผู้ป่วยใน 2 จังหวัด คือ จังหวัดสุรินทร์ มีผู้ป่วย 14 ราย และจังหวัดนครราชสีมา มีผู้ป่วย 5 ราย ส่วนจังหวัดบุรีรัมย์ และจังหวัดชัยภูมิ ยังไม่พบรายงานผู้ป่วย กลุ่มอายุที่ป่วยมากที่สุดคือ 10 - 14 ปี รองลงมาคือ 0 - 4 ปี และ 5 - 9 ปี ตามลำดับ

นายแพทย์ทวีชัย วิษณุโยธิน กล่าวต่อไปว่า ขอแนะนำให้หญิงตั้งครรภ์ควรป้องกันตนเองอย่าให้ถูกยุงกัด ไปฝากครรภ์ตลอดระยะเวลาที่ตั้งครรภ์จนกว่าจะคลอด หากตรวจพบว่าติดเชื้อไวรัสซิกาต้องได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิดโดยสูตินรีแพทย์

ในประชาชนทั่วไปขอให้ช่วยกันกำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลายในบริเวณบ้าน และในชุมชน โดยใช้มาตรการ 3 เก็บป้องกัน 3 โรค คือ

1) เก็บบ้าน ให้สะอาดไม่ให้ยุงลายเข้ามาเกาะพัก

2) เก็บขยะ ภายในบริเวณบ้านและชุมชน ให้เรียบร้อยไม่ให้เป็นแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลาย

3) เก็บน้ำ เก็บภาชนะกักเก็บน้ำให้มิดชิดเพื่อป้องกันยุงลายลงไปวางไข่ รวมถึงการป้องกันตนเองจากการถูกยุงกัดด้วยการทายากันยุง และนอนในมุ้งหรือห้องที่มีมุ้งลวดกันยุง เพื่อป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสซิกา ไข้เลือดออก และโรคไข้ปวดข้อยุงลาย

และขอให้ประชาชนสังเกตอาการป่วยของคนในครอบครัว ไม่ควรซื้อยาลดไข้ในกลุ่มเอ็นเสด (NSAIDs) ได้แก่ ไอบูโพรเฟน ไดโครฟีแนก แอสไพริน รวมถึงยาชุด มารับประทาน และให้รีบพาผู้ป่วยไปพบแพทย์หรือสถานบริการสาธารณสุขที่อยู่ใกล้บ้าน เพื่อได้รับการรักษาที่ถูกต้องรวดเร็ว จะช่วยลดโอกาสการเสียชีวิตได้

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สายด่วน กรมควบคุมโรค โทร. 1422

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม