ปู่หลงสาวรุ่นลูก ลักเล็กขโมยน้อยไปฝากจนลูกเมียทนไม่ไหวอยากให้ตร.จัดการ

31 ธ.ค. 66

ปู่วัย 83 หลงสาวรุ่นลูก เที่ยวลักเล็กขโมยน้อยเอาของไปฝาก ลูกเมียทนไม่ไหวอยากให้ตำรวจจัดการ

เจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจ สภ.เมืองสิงห์บุรี รับแจ้งจากพลเมืองดีว่าเกิดเหตุลักทรัพย์ภายในร้านค้าแห่งหนึ่งตั้งอยู่ริมถนนสายสิงห์บุรี–ลพบุรี เจ้าของร้านสามารถควบคุมตัวผู้ก่อเหตุไว้ได้เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเดินทางไปตรวจสอบยังจุดที่ได้รับแจ้ง เมื่อไปถึงนางสาวนพคุณ มาทัพ อายุ 50 ปี เจ้าของร้านที่เกิดเหตุชี้ตัวผู้ก่อเหตุลักทรัพย์และสามารถควบคุมตัวไว้ได้เจ้าหน้าที่ตำรวจถึงกับตกตะลึง เพราะผู้ก่อเหตุ คือ นายสมชัย ศรีโยธา อายุ 83 ปี นั่งรอเจ้าหน้าที่อยู่ที่หน้าร้านนางสาวนพคุณ กล่าวว่า นายสมชัย มีนิสัยชอบฉกฉวยข้าวของในร้านค้าละแวกนี้บ่อยครั้ง แต่เนื่องจากผู้เสียหายเห็นว่าเป็นผู้สูงอายุจึงไม่มีใครเอาเรื่อง แต่ร้านค้าทุกร้านในบริเวณดังกล่าวต่างก็ห้ามไม่ให้นายสมชัยเข้าร้านอีก

ครั้งนี้นายสมชัยเดินเข้ามาในร้านแล้วหยิบเงินสดที่วางไว้ภายในร้านไป 3,000 บาท ซึ่งตนเห็นเหตุการณ์ทันที จึงควบคุมตัวก่อนแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจซึ่งเหตุการณ์ครั้งนี้ นางสาวนพคุณ ไม่ประสงค์จะดำเนินคดีกับนายสมชัย แต่ต้องการให้เจ้าหน้าที่ช่วยว่ากล่าวตักเตือนไม่ให้นายสมชัยประพฤติตนเช่นนี้อีก

ซึ่งนายสมชัยก็รับปาก เจ้าหน้าที่ก่อนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจจะช่วยนำนายสมชัยกลับบ้านพัก และทันทีที่เดินทางมาถึงบ้านพักของนายสมชัย พบนางยุพา ศรีโยธา อายุ 81 ปี ภรรยา ของนายสมชัย ซึ่งทันทีที่พบว่ามีเจ้าหน้าที่ตำรวจนำสามีมาส่งที่บ้าน นางยุพาถึงกับเอ่ยปากตัดพ้อว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจนำกลับมาทำไม ไปก่อเหตุที่ไหนมาอีก แล้วทำไมเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ดำเนินการขั้นเด็ดขาดเจ้าหน้าที่ต้องช่วยอธิบายว่าให้ใจเย็น ๆ โดยนางยุพาเล่าเรื่องราวให้ฟังว่าเดิมทีทั้งคู่เป็นชาวจังหวัดราชบุรี แต่ต่อมาลูก ๆ ที่ทำงานอยู่สิงห์บุรีได้พามาอยู่ที่สิงห์บุรีด้วย โดยลูกได้สร้างบ้านให้อยู่ด้วยกันสองคนสามีภรรยา โดยลูกก็จะแวะเวียนมาหาบ้างเป็นครั้งคราว ต่อมานายสมชัยได้รู้จักมักคุ้นกับเพื่อนบ้านหญิงรายหนึ่ง มักจะมีข้าวของติดไม้ติดมือไปให้หญิงเพื่อนบ้านอยู่เป็นประจำ ไม่ว่าจะเป็นอาหาร เงินทอง หรือแม้กระทั่งสังกะสี และไม้เก่าที่บ้านก็ขนไปให้สาวคราวรุ่นลูกหมด ตนจึงปิดบ้านไม่ให้สามีเข้าบ้านโดยให้นอนนอกบ้านซื้อมุ้งและที่นอนไว้ให้แต่สามีก็ยังงัดบ้านเข้าไปขนทรัพย์สินอยู่ในบ้านเป็นประจำ และเมื่อต่อมาเข้าไปในบ้านไม่ได้สามีก็ออกไปหยิบฉกทรัพย์สินตามร้านค้าในหมู่บ้านแต่ไม่มีใครเอาความ เพราะเห็นเป็นผู้สูงอายุ ทำให้สามีได้ใจก่อเหตุมาเรื่อยตนเองต้องคอยตามชดใช้เงินคืนให้เจ้าทุกข์เป็นประจำ ครั้งนี้ต้องการให้เจ้าหน้าที่นำตัวไปดำเนินคดีให้ถึงที่สุดหากใครไม่เอาเรื่องตนเองจะเป็นผู้แจ้งความเอาเรื่องเองเพราะขโมยเงินของตนและทำร้ายร่างกายตนอยู่เป็นประจำ

ระหว่างนั้นเจ้าหน้าที่จึงโทรศัพท์ไปแจ้งกับนายศักดิ์ (นามสมมุติ) ลูกชายของทั้งคู่ให้เดินทางมาไกล่เกลี่ยและทันทีที่ลูกชายเดินทางมาถึงก็ส่ายหน้า ด้วยความเอือมระอากับพฤติกรรมของผู้เป็นพ่อพร้อมยินดีหากจะดำเนินการขั้นเด็ดขาดกับผู้เป็นพ่อโดยเจ้าหน้าที่ใช้เวลาอยู่นานกว่าทั้งภรรยาและลูกชายจะยินยอมหลังจากนายสมชัยรับปากกับเจ้าหน้าที่ตำรวจจะเลิกพฤติกรรมดังกล่าวและหากกระทำอีกก็พร้อมที่ถูกดำเนินคดี

advertisement

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวทั่วไป เป็นกระแส