หนุ่มแรงงานชาวบุรีรัมย์ ยอมเสี่ยงกลับไปทำงานอิสราเอลอีกรอบ

19 ธ.ค. 66

 

หนุ่มแรงงานชาวบุรีรัมย์ ยอมเสี่ยงกลับไปทำงานอิสราเอลอีกรอบให้ครบสัญญาจ้าง แม้จะยังมีเหตุสู้รบ ไม่มีทางเลือก มีหนี้หลายแสน มีครอบครัวต้องดูแล 

วันที่ 19 ธ.ค. 66 นางบุญศรี โปร่งจิต อายุ 62 ปี ชาวต.หนองตาด อ.เมือง จ.บุรีรัมย์  ได้วิดีโอคอลผ่านโทรศัพท์มือถือ สอบถามความเป็นอยู่ของนายต้อม โปร่งจิต อายุ 33 ปี ลูกชายที่เพิ่งจะตัดสินใจเดินทางกลับไปทำงานที่อิสราเอลอีกรอบ เมื่อวันที่ 3 ธ.ค. ที่ผ่านมา เนื่องจากเป็นห่วงความปลอดภัยของลูกชาย เพราะขณะนี้ยังคงมีการสู้รบกันอยู่ แต่ลูกชายบอกว่าไม่มีทางเลือก เนื่องจากยังคงมีภาระหนี้สินที่ต้องรับผิดชอบหลายแสนบาท 

ประกอบกับต้องดูแลครอบครัวและลูกน้อยอีก 2 คน จึงยอมเสี่ยงที่จะกลับไปทำงานอิสราเอลให้ครบตามสัญญาจ้าง 5 ปี 3 เดือน เพราะรอบแรกเพิ่งจะทำงานได้แค่ 1 ปี 2 เดือนก็เกิดการสู้รบจนทางการประกาศให้อพยพ และส่งกลับภูมิลำเนา ส่วนเงินที่ได้รับการช่วยเหลือจากรัฐตามสิทธิกองทุนฯ 15,000 บาท  ก็นำไปใช้จ่ายช่วงที่กลับไปอยู่บ้าน  

หนุ่มแรงงานชาวบุรีรัมย์ ยอมเสี่ยงกลับไปทำงานอิสราเอลอีกรอบ

ทั้งนี้นายต้อมก็ได้ส่งคลิปขณะทำงาน สภาพความเป็นอยู่ที่แคมป์ของแรงงานในอิสราเอลให้แม่ดูเป็นระยะๆ ด้วย เพื่อให้ผู้เป็นแม่คลายความกังวลว่าจุดที่ทำงานอยู่มีความปลอดภัย และนายจ้างก็ดูแลเป็นอย่างดี และการเดินทางกลับไปรอบนี้นายจ้างก็ดูแลค่าใช้จ่ายในการเดินทางให้ทั้งหมด โดยเขาบอกว่าจุดที่ทำงานอยู่ชุมชนมัสเตอร์คิว ฉนวนกาซ่าทางตอนใต้  ซึ่งยังอยู่ห่างจากจุดที่สู้รบกันมากกว่า 20 กิโลเมตร แต่ก็ยังได้ยินเสียงปืนระเบิดดังเป็นระยะๆ แต่นายจ้างก็ดูแลเรื่องความปลอดภัยเป็นอย่างดีมีอุโมงค์ไว้สำหรับหลบภัยด้วย  

ด้านนางบุญศรี ผู้เป็นแม่ บอกว่า ถ้าเลือกได้ก็ไม่อยากให้ลูกชายกลับไปที่อิสราเอลอีก เพราะห่วงเรื่องความปลอดภัยของลูก หลังจากที่เกิดเหตุสู้รบกันรอบแรกตั้งแต่วันที่ 7 ต.ค. 66 ก็ติดต่อลูกชายไม่ได้เป็นห่วงมาก แต่พอลูกชายได้กลับมาบ้านอย่างปลอดภัยก็ไม่อยากให้กลับไปเสี่ยงอันตรายอีก แต่เพราะไม่มีทางเลือกลูกจึงขอกลับไปทำงานที่อิสราเอลอีกรอบให้ครบสัญญาจ้าง เพราะหวังว่าจะมีเงินมาใช้หนี้ ธกส.ทั้งต้นและดอกเบี้ยราวๆ 7 แสนบาท เพราะที่อิสราเอลค่าแรงค่อนข้างสูง เชื่อว่าจะสามารถปลดหนี้ และเลี้ยงครอบครัวได้ แต่หากทำงานในไทยซึ่งมีค่าแรงน้อยกว่าก็ไม่รู้จะเพียงพอใช้หนี้หรือไม่ ด้วยความเป็นห่วงก็จะวิดีโอคอลคุยกับลูกชายทุกวัน และไหว้ศาลตา ยายหน้าบ้าน เพื่อขอให้ปกครองคุ้มครองลูกชายด้วย   

advertisement

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวทั่วไป เป็นกระแส