เดือด! กลุ่มป้องอ.น้องไนซ์ เปิดศึกปะทะ เค สามถุย - อี้ แทนคุณ

15 ธ.ค. 66

 

เดือด! กลุ่มป้องอ.น้องไนซ์ เปิดศึกปะทะ เค สามถุย - อี้ แทนคุณ ขณะยื่นหนังสือจี้ตรวจสอบเส้นทางการเงินที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ 

วันที่ 15 ธ.ค. 66 ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ทนายธรรมราช สาระปัญญา พร้อมกลุ่มสนับสนุน อ.น้องไนซ์ กว่า20 คน เดินทางมายื่นหนังสือแถลงข้อเท็จจริงและขอรับความคุ้มครองเยาวชน โดยอ้างว่า น้องไนซ์ถูกบิดเบือนใส่ร้าย ทำให้ได้รับความเสียหาย สำหรับหนังสือร้องเรียนได้แนบเอกสารที่เป็นภาพตัดต่อโจมตี น้องไนซ์ ลักษณะคล้ายพระพุทธเจ้า รวมทั้งข้อความลักษณะเหมือนเป็นการการคุกคามน้องไนซ์ ทั้งเรื่องครอบครัวและการสื่อสาร 

ทนายธรรมราช บอกว่า ช่วงสัปดาห์ที่แล้วมีคนกลุ่มหนึ่งนำของน้องไนซ์ไปร้องเรียนกับนางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ โดยขณะนั้นได้รับการตอบกลับว่า ไม่ใช่ขอบเขตสำนักพระพุทธศาสนา เป็นหน้าที่ของตำรวจในการดำเนินการสอบสวน ในวันนี้จึงเข้ามายื่นหนังสือให้ตำรวจถึงที่ 

ทนายธรรมราช บอกว่า ช่วง2-3วันที่ผ่านมา มีกลุ่มบุคคลพยายามเผยแพร่ข้อมูลบิดเบือนข้อเท็จจริง เรื่องของคำสอนน้องไนซ์ลงในโซเชียล และหยิบข้อมูลขึ้นมาโจมตี ทั้งเรื่องเกี่ยวกับคำสอนและการหลอกลวงเงิน ส่วนตัวมองว่าคำสอนของน้องไนซ์เป็นเรื่องจริง ส่วนเรื่องของการเรียกเก็บเงิน เป็นส่วนของผู้จัด ที่ทำหน้าที่ดำเนินการ เพราะมีค่าใช้จ่าย เรื่องสถานที่ ค่าอาหาร ที่พัก ตัวน้องไนซ์ เป็นเพียงวิทยากร ไม่ได้รับเงินค่าจ้าง ส่วนที่เห็นภาพน้องไนซ์รับเงิน ยอมรับว่าเป็นการรับเงินจริง แต่ภายหลังก็ส่งต่อไปสมทบในการสร้างสถานปฎิบัติธรรม 

ขณะที่ข้อสงสัยเรื่องของบัญชีเปิดรับบริจาค ที่เป็นบัญชีส่วนตัวของนายแพทย์ท่านหนึ่ง อธิบายว่าจุดประสงค์นายแพทย์คนนี้ตั้งใจจะรวบรวมเงิน สร้างสถานปฎิบัติธรรม ซึ่งขณะนี้มีการยื่นเรื่องเปิดมูลนิธิแล้วแต่ยังอยู่ในระหว่างการดำเนินการ ยืนยันว่าเงินส่วนนี้สามารถตรวจสอบเส้นเงินได้ว่า เมื่อสอบถามว่ามีเงินหมุนเวียนมากน้อยแค่ไหนทางทนายความ บอกว่ามีในบัญชีหลายแสนบาท และตอนนี้ก็ยังอยู่ครบ 

สำหรับข้อสงสัยเรื่องวิธีการเชื่อมจิตของน้องไนซ์ ที่คนสงสัยคืออะไร ทนายธรรมราช บอกว่า เป็นวิธีการช่วยของคนที่มีวิปัสสนากรรมฐานสมาธิแล้วมีปัญหาติดขัด น้องไนซ์จะเชื่อมจิตไปช่วย ส่วนประเด็นที่ในโซเชียลมีการวิพากษ์วิจารณ์เรื่องที่น้องไนซ์ถอดจิตคุยกับ ปูติน ยืนยันว่าน้องไนซ์มีเจตนาที่จะไปเผยแพร่และพุทธศาสนาในยุโรปและรัสเซีย ซึ่งเป็นแผนอนาคตว่าหากมีโอกาสจะเข้าไปพูดคุยกับปูติน ซึ่งเป็นเรื่องอนาคต แต่คนเอาไปบิดเบือนให้เกิดความเข้าใจผิด 

ส่วนที่มีคนแสดงความคิดเห็นว่าทำไมน้องไนซ์ไม่บวชเณร หรือกลัวว่าจะควบคุมเด็กไม่ได้ ในส่วนนี้ทนายธรรมราช บอกว่า ธรรมะ ไม่ว่าจะอยู่ในสถานะไหนหากมีความสามารถในการสอน ใครก็สามารถสอนได้ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับการแต่งกาย หรือการบวช 

ส่วนที่เมื่อวานนี้มีอดีตคนศรัทธาน้องไนซ์ออกมาแฉว่า เข้าไปในกลุ่มโอเพ่นแชทของน้องไนซ์ เพราะศรัทธามากว่า 3 ปี แต่ปรากฏว่าพอมีคำถามและข้อสงสัยในการสอนและการเรียกเก็บเงินกลับถูกดีดออกจากแชต ในส่วนนี้ทนายธรรมราช บอกว่าจากการตรวจสอบหญิงคนนี้เพิ่งเข้ามาในแชทวันที่ 8 ธ.ค. หลังจากนั้นก็มีพฤติกรรมลักษณะเหมือนเป็นการล่อซื้อ เอาข้อมูลบิดเบือนไปเป็นหลักฐาน เช่น มีการส่งสลิปเงิน ทั้งที่เป็นกลุ่มสอบถามข้อธรรมะ ทำให้แอดมินจำเป็นต้องดีดออกไป 

ในระหว่างที่มีการแถลงข่าว นายนิยม นพรัตน์ หรือ เค เสื้อแดง หรือ เค สามถุย ในฐานะตัวแทนประชาชนที่ไม่เห็นด้วยกับการสนับสนุนน้องไนซ์ ได้เข้ามากลางวงพยายามสอบถามเกี่ยวกับการเรียกรับเงินเรียกรับเงินค่าเข้าฟังธรรมะจริงหรือไม่ และข้อสงสัยเรื่องคำสอนของน้องไนซ์อ้างว่านั่งสมาธิแล้วกรรมตามไม่ทัน เป็นคำสอนของพระพุทธเจ้าตรงไหน ทำให้ทั้งสองฝ่ายเกิดการโต้เถียงกัน 

ก่อนที่ทั้งกลุ่มคนสนับสนุนน้องไนซ์จะออกมาบอกว่า หากมีข้อสงสัยว่าการเรียกรับเงินหรือคำสอนไม่ถูกต้องก็ให้ไปดำเนินคดีตามกฎหมายเอา เพื่อให้ศาลพิสูจน์ความจริง ก่อนที่ทั้งสองฝั่งจะยุติการโต้เถียง 

ต่อมา นายนิยม นพรัตน์ เและนายแทนคุณ จิตต์อิสระ ได้ยื่นหนังสือร้องทุกข์ต่อ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. พร้อมนำหลักฐานมามอบให้ เพื่อให้ตรวจสอบว่าการกระทำกลุ่มจัดกิจกรรมน้องไนซ์เข้าข่ายแสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบต่อเด็กหรือไม่ เนื่องจากมีกลุ่มบุคคลแอบอ้างหลอกลวงว่ามีเด็กอายุเพียง 8 ขวบ มีอภิญญา สามารถชื่อมจิตจาก การใช้เท้าสัมผัสและเก็บเงินคำร่วมงาน ค่าทำบุญต่าง ซึ่งเป็นการแสวงหาประโยชน์กับเด็กเยาวชนโดยมิชอบและเป็นการใช้เด็กเป็นเครื่องมือหลอกลวงประชาชนจำนวนมาก อาจเข้าช่ายผิดพรบ คุ้มครองเด็ก พ.ศ.2546, มีการนำหลักการของพระพุทธศาสนามาหาประโยชน์โดยมิชอบ เป็น โดยการที่บุคคล และคณะ บุคคลดังกล่าว อ้างว่าเป็นตัวแทนพระศาสนา และพระศาสนา จึงขอให้ ผบ.ตร. สืบเสาะข้อเท็จจริง เพื่อช่วยปกป้องพระพุทธศาสนา จากกลุ่มบุคคลที่อ้างศาสนาหาประโยชน์ทั้งการระดมทุน เรี่ยไร ผิดกฎหมาย โดยอ้างความเป็นเยาวชน และอ้างพระพุทธศาสนา และให้สั่งการ ส่งนิติกรชำนาญการ โดยสนธิกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ รวมไปถึงสหวิซาชีพใน การสอบปากคำเยาวชน เข้าไปตรวจกลุ่มบุคคลดังกล่าว ทั้งตัวเต็ก ทั้งผู้ปกครอง ทั้งคณะผู้จัดงาน เพื่อตรวจเส้นทางทางการเงินตามกฎหมาย รวมไปถึงดำเนินคดีกับผู้ปกครอง ในการปล่อยปละละเลยให้เยาวชนกระทำ พฤติกรรมบิดเบือนลบหลู่พระพุทธศาสนาสืบต่อไป 

ทั้งนี้ระหว่าง​ที่ทั้งสองคนกำลังให้สัมภาษณ์ ทางทนายของกลุ่มสนับสนุนและศรัทธาน้องไนซ์ ได้เข้ามาตั้งคำถามว่านายแทนคุณ นับถือศาสนาอะไร และเป็นชาวพุทธแท้หรือไม่ ก่อนที่นายแทนคุณจะตอบว่า พุทธแท้ จากนั้นก็เกิดการโต้เถียงกันเรื่องข้อกฎหมายคุ้มครองเด็ก ทำให้ฝ่ายสนับสนุนเข้ามาอีกครั้ง โดยย้ำว่าหากมีข้อมูลไม่ถูกต้องให้ไปฟ้องศาลดำเนินคดีได้ ระหว่างนั้นสื่อมวลชนเห็นท่าไม่ดีจึงเข้าไปห้ามปรามและให้แยกย้ายกันไปเหตุการณ์จึงสงบลง

advertisement

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวทั่วไป เป็นกระแส