แก๊งคอลเซ็นเตอร์พยายามยัดเงิน 5 ล้านให้เจ้าหน้าที่ แลกปล่อยตัว

11 ธ.ค. 66

รวบ 2 ผู้ต้องหาพยายามย้ายอุปกรณ์สื่อสารของแก๊งคอลเซ็นเตอร์จากชายแดนเข้ากรุงเทพฯ พบว่า 1 ในผู้ต้องหา พยายามติดสินบนเจ้าหน้าที่ 5 ล้านแลกกับการปล่อยตัว แต่เจ้าหน้าที่ปฏิเสธ 


เมื่อวันที่ 11 ธันวาคม 2566 พันเอกณัฐกร เรือนติ๊บ ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจราชมนู อ.แม่สอด จ.ตาก (ฉก.ร.4) พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.แม่สอด ฝ่ายปกครองและตรวจคนเข้าเมือง จังหวัดตาก ได้แถลงข่าวผลการตรวจยึดจับกุมอุปกรณ์การสื่อสาร เป็นวัสดุและชิ้นส่วนจำนวนมากของกลุ่มคอลเซ็ลเตอร์ใช้เพื่อหลอกลวง

โดยการจับกุมครั้งนี้สามารถจับคนขับรถยนต์เป็นชาย 2 คน พร้อมอุปกรณ์ดังกล่าวภายในรถยนต์ จากนั้นเจ้าหน้าที่ทหารได้ขยายผลไปตรวจค้นบ้านหลังหนึ่ง ในหมู่บ้านนภาดล ต.ท่าสายลวด อ.แม่สอด

ในระหว่างตรวจค้นพบอุปกรณ์การสื่อสารอีกจำนวนมาก โดยเจ้าของบ้านอ้างว่ามีคนรู้จักกันนำมาฝากไว้ แต่เจ้าหน้าที่ไม่ปักใจเชื่อได้ประสานกับตรวจคนเข้าเมือง จ.ตาก และตำรวจ สภ.แม่สอดทำการขยายผลต่อไป เพราะเชื่อว่ามีชาวจีนเป็นกลุ่มคอลเซ็นเตอร์เกี่ยวข้องด้วย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในระหว่างการตรวจยึดอุปกรณ์ในรถยนต์ทั้ง 2 คันที่จุดตรวจห้วยหินฝนนั้น มีชายคนหนึ่ง พยายามติดต่อกับนายทหารประจำจุดตรวจ เพื่อติดสินบนจำนวน 1 ล้านบาท แต่ถูกปฏิเสธ และพยายามจะต่อรองเพิ่มขึ้นเป็น 5 ล้านบาท แต่เจ้าหน้าที่ไม่ยอม และตรวจยึดจับกุมทั้งหมด จากนั้นได้ประสานกำลังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปตรวจค้นบ้านหลังดังกล่าว

พันเอกณัฐกร กล่าวว่า เป็นการปฏิบัติงานร่วมกันระหว่างหน่วยงานในด้านการปฏิบัติ และการข่าวทราบว่าจะมีการเคลื่อนย้ายอุปกรณ์การสื่อสาร เป็นวัสดุชิ้นส่วนที่หลอกลวงประชาชนของกลุ่มคอลเซ็นเตอร์ จากชายแดนฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน ไป กทม. จึงทำการสกัดจับกุมได้ และจะต้องให้ทางตำรวจขยายผลต่อไป

ส่วนการสอบสวนในเบื้องต้นนั้น ผู้ถูกจับกุมแจ้งว่าไปส่ง กทม.แต่จะไม่บอกปลายทางที่ใด เพราะมีการตัดช่วงไม่ให้มีการขยายผล ส่วนสาเหตุที่มีการเคลื่อนย้ายอุปกรณ์มาจากฝั่งประเทศเพื่อนบ้านนั้น คงเป็นเพราะความเข้มงวดร่วมกันระหว่างตำรวจเมียนมา ตำรวจไทยและตำรวจจีน ทำให้ต้องย้ายออกจากพื้นที่ชายแดน.

advertisement

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวทั่วไป เป็นกระแส