พระพายเรือบิณฑบาตออกเก็บกระทง ถึงฝั่งเรือจมพอดี เหตุบรรทุกเกิน

28 พ.ย. 66

พระพายเรือบิณฑบาต ช่วยเก็บกระทงในคลองให้โยมทำปุ๋ยเลี้ยงไก่ รีบพายเรือหน้าตั้งกลับวัด ถึงฝั่งเรือจมพอดี เหตุบรรทุกเกินพิกัด 

วันที่ 28 พ.ย. 66 พระเมธีวัชร ประชาทร หรือท่านเจ้าคุณดอกเตอร์หลวงพ่อแดงนันทิโย เจ้าอาวาสวัดอินทาราม รองประธานสมัชชาพระสงฆ์ ผู้นำขับเคลื่อนหมู่บ้านศีล 5 หนกลาง อนุกรรมการขับเคลื่อนโครงการส่งเสริมการพัฒนาประสิทธิภาพการดำเนินงาน หน่วยอบรมประชาชนประจำตำบลส่วนกลาง และกรรมการฝ่ายสาธารณสงเคราะห์ จ.สมุทรสงคราม ได้นำคณะสงฆ์พายเรือที่ใช้ออกบิณฑบาตออกเก็บกระทง ร่วมกับผู้ใหญ่บ้านและชาวบ้านในพื้นที่ 

โดยเริ่มจากบริเวณหน้าวัดอินทาราม ต.เหมืองใหม่ อ.อัมพวาล่ องไปในคลองแควอ้อม รวมระยะทางประมาณ 3 กิโลเมตร เพื่อนำไปคัดแยก ส่วนต้นกล้วยก็นำไปบดให้ละเอียด มอบให้ชาวบ้านนำไปเป็นปุ๋ยหมัก และเลี้ยงไก่ ลดต้นทุนค่าอาหารในภาวะต้นทุนค่าอาหารแพง และยังช่วยกันอนุรักษ์แม่น้ำลำคลองให้กลับมาใสสะอาดปราศจากขยะ 

พระเมธีวัชรประชาทร กล่าวว่า ปีนี้กระทงกาบกล้วยทั้ง จ.สมุทรสงคราม ไม่น่าจะน้อยกว่า 2 แสนกาบ ซึ่งจะลอยไปรวมกันในทะเลที่ปลายน้ำ วันนี้จึงเป็นการนำร่องช่วยกันเก็บขยะ เพราะแม้ขยะจะมากแค่ไหน หากเราช่วยกันเก็บทุกหมู่บ้านก็จะสู้กับขยะจำนวนมากได้ เนื่องจากประเพณีลอยกระทงเป็นวัฒนธรรมประเพณีมาตั้งแต่โบราณ และเป็นงานที่สร้างรายได้ให้กับประเทศไทยปีละหลายพันล้านบาท ดังนั้นเมื่อลอยกระทงได้ ก็ช่วยกันเก็บกระทงได้ จะทำให้แก้ปัญหาขยะลงทะเล ลดปัญหาโลกร้อนได้ 

ขณะที่จ.สมุทรสงครามถือเป็นเมืองเวณิชตะวันตกของไทย ถ้าช่วยกันอนุรักษ์แม่น้ำลำคลองให้สะอาด นักท่องเที่ยวจะเข้ามาเยี่ยมชม จ.สมุทรสงครามมากขึ้น ซึ่งหลังจากเก็บไปแล้ว ก็จะนำไปบดให้ละเอียดมอบให้โยมทำปุ๋ยหมักเลี้ยงสัตว์ต่อไป ถือว่ายิงปืนนัดเดียวได้นกหลายตัว คือได้อนุรักษ์สิ่งแวดล้อมทางน้ำ,ได้ปุ๋ยและอาหารสัตว์,ได้ความสามัคคีรวมพลังบวร(บอ-วอน) บ้านวัดราชการ และยังเป็นช่วยอนุรักษ์ประเพณีวันลอยกระทงให้เห็นว่าการลอยกระทงไม่ได้ทำลายสิ่งแวดล้อมทางน้ำ ถ้าเราช่วยกันด้วย อีกทั้งขยะกระทงก็สามารถนำมาเพิ่มมูลค่าได้ลดต้นทุนการผลิตทำเกิดประโยชน์หลายด้านเป็นสาธารณประโยชน์ต่อ จ.สมุทรสงคราม เป็นแหล่งผลิตอาหารปลอดภัยสู่ครัวโลก 

อย่างไรก็ตามขณะที่พระสงฆ์กำลังพายเรือเก็บขยะจู่ๆ พระวรพจน์ กิตติธรรมโม อายุ 60 ปี ก็จ้ำเรือกลับวัดอย่างรวดเร็ว พอมาถึงฝั่งเรือก็จมลง ทำให้พระวรพจน์จมลงไปในน้ำสภาพนั่งเรือสบงจีวรเปียกปอน เด็กวัดต้องรีบวิ่งเข้าไปช่วยกันกู้เรือขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ก่อนที่พระวรพจน์จะพายเรือไปเก็บขยะต่อ 

พระวรพจน์ กล่าวว่า พายเรือบิณฑบาตเป็นประจำทุกวัน จึงคล่องตัวที่จะพายเรือเก็บกระทง อย่างไรก็ตามขณะที่กำลังเก็บขยะเห็นไม้ไผ่ขนาดใหญ่ลอยอยู่จึงเก็บขึ้นมาพาดบนเรือ เพื่อเก็บเข้าฝั่ง ประกอบกับในเรือมีกาบกล้วยจำนวนมาก ทำให้น้ำซึมเข้าขอบเรือที่ละน้อยจนน้ำเข้าเรือมากขึ้น อาตมาจึงรีบพายเรือเข้าฝั่ง โชคดีจมพอดีถึงฝั่ง เพราะถ้าเรือจมกลางคลองก็คงต้องเหนื่อยว่ายน้ำเข้าฝั่งอีก

advertisement

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวทั่วไป เป็นกระแส