สตม. กวาดล้างขอทาน จีน-จอร์แดน ยันเสียโฉมก่อนมาไทย

27 พ.ย. 66

ผบช.ตม ยัน ข่าวที่ขอทานจีน ถูกทำร้าย เสียโฉม ตัดแขนขา ในไทย ไม่เป็นความจริง กลุ่มขอทานจีน กลุ่มนี้ประสบอุบัติเหตุจากการถูกไฟไหม้เสียโฉมตั้งแต่จีน ก่อนเข้าประเทศไทย มาเพราะทราบว่าคนไทยใจดี ขี้ใจอ่อน มักทำบุญกับคนขอทาน

วันนี้ (27 พ.ย. 66) ที่ สตม. สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ได้แถลงการ ระดมจับกุมคนต่างด้าวที่เข้ามาประกอบธุรกิจผิดกฎหมายในประเทศไทย เร่งดำเนินการ กวาดล้าง ขอทานต่างด้าวในไทย อย่างต่อเนื่อง จับกุมระงับใบอนุญาติวีซ่าพร้อมติดแบล็คลิซ ขับไล่กลับประเทศ

โดยแบ่งเป็น 2 เคส ทั้งจับกุม ขอทานสัญชาติจีน มีทั้งหมด 6 ราย และ ขอทานต่างด้าว 33 ราย และ ขอทานจอร์แดน 23 ราย 

ในกรณีแรกนั้น เรื่องของ กรณีแรก ขอทานสัญชาติจีน มีการจับกุมทั้งหมด 6 ราย

  1. นางเคง (นามสมมติ) อายุ 41 ปี ถูกจับกุมโดย สน.ปทุมวัน เมื่อวันที่ 11 พ.ย.66 ที่ บริเวณ สกายวอร์ค BTS หน้าห้างสรรพสินค้าสยามสแควร์ แขวงปทุมวัน เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ โดยมี น.ส.นามี (นามสมมติ) สัญชาติไทย เป็นล่ามแปลภาษาในชั้นจับกุม ปัจจุบัน นางเคงได้ถูกผลักดันส่งกลับประเทศแล้วเมื่อวันที่ 17 พ.ย.66

  2. นางวู (นามสมมติ) อายุ 34 ปี ถูกจับกุมโดย สน.พญาไท เมื่อวันที่ 18 พ.ย.66 ที่บริเวณสะพานลอย ตรงข้ามห้างสรรพสินค้าแพลตตินัม ถ.เพชรบุรี แขวงพญาไท เขตราชเทวี กรุงเทพ ฯ
  3. นางหยวน (นามสมมติ) อายุ 39 ปี ถูกจับกุมโดย สน.บางพลัด เมื่อวันที่ 19 พ.ย.66 ที่บริเวณ หน้าห้างสรรพสินค้าเมเจอร์ปิ่นเกล้า แขวงอรุณอัมรินทร์ เขตบางกอกน้อย กรุงเทพฯ

โดยนาง หยวน สารภาพว่า ตนเดินทางเข้ามาในประเทศไทยพร้อมกับนายอวู (นามสมมติ) สัญชาติจีน แฟนของตน ซึ่งทั้งคู่ประกอบอาชีพขอทาน ตั้งแต่ที่อยู่ในประเทศจีน ประมาณกลางปี ได้มาเป็นขอทานในประเทศไทย ปรากฎว่ารายได้ดี จึงทำเป็นอาชีพเรื่อยมา จนกระทั่งเมื่อนางหยวนถูกจับกุม และตำรวจ ได้จับกุม ควบคุมตัว นายอวู ได้ที่ อ.อรัญประเทศ จว.สระแก้ว ขณะกำลังจะเดินทางไปประเทศกัมพูชา ด้วย

  1. นางหู (นามสมมติ) อายุ 28 ปี ถูกจับกุมโดย สน.ทุ่งมหาเมฆ เมื่อวันที่ 20 พ.ย.66 ที่บริเวณ BTS ศาลาแดง แขวงสีลม เขตบางรัก กรุงเทพฯ

  2. นายฟาร (นามสมมติ) อายุ 28 ปี ถูกจับกุมโดย สน.ลุมพินี เมื่อวันที่ 20 พ.ย.66 ที่บริเวณ BTS วงคลองเตยเหนือ เขตทวีวัฒนา กรุงเทพฯ

  3. นายหวัง (นามสมมติ) อายุ 33 ปี ถูกจับกุมโดย สน.บางรัก เมื่อวันที่ 20 พ.ย.66 ที่บริเวณ ถ.สีลม ซ.4 แขวงสีลม เขตบางรัก กรุงเทพฯ

จากการตรวจสอบข้อเท็จจริง พบว่าขอทานสัญชาติจีนดังกล่าวทั้ง 6 ราย บางรายรู้จักกัน บางรายไม่รู้จักกัน เมื่อเห็นว่าเพื่อนมาประกอบอาชีพขอทานที่ประเทศไทยแล้วทำเงินได้ดี ก็จะพากันมาทำแบบเพื่อน

และบาดแผลที่เกิดขึ้นตามร่างกายของกลุ่มขอทานดังกล่าวนั้น ส่วนใหญ่จะเกิดจากอุบัติเหตเพลิงไหม้ตั้งแต่ยังเด็ก ไม่มีรายใดให้การว่าถูกทรมานหรือถูกบุคคลอื่นทำร้ายแต่อย่างใด กลุ่มขอทานเหล่านี้ได้ใช้ความน่าสงสารของตนเพื่อดึงดูด ให้ประชาชนทั่วไปเห็นใจและบริจาคเงินให้ ซึ่งบางวันได้รับรายได้มากกว่า 10,000 บาท

โดยการมานั่งขอทานไม่มีการถูกบังคับขู่เข็ญ ประกอบกับการเดินทางมาขอทานตามจุดต่างๆ ทุกคนล้วนเดินทางมาเองโดยรถโดยสารสาธารณะ และการพักอาศัยอยู่ในประเทศไทยทุกคนล้วนเช่าห้องพักด้วยตนเอง นอกจากนี้ได้ตรวจสอบเส้นทางการเงิน ของขอทานทั้งหมด ปรากฎว่าเงินที่ได้จากการขอทานทุกคนได้เก็บเงินเข้าบัญชีของตนเอง ไม่ได้ส่งหรือแบ่งให้กับผู้อื่น

และการจับกุม ในเคสที่สอง  ภายหลังจาก บก.สส.สตม. ได้รับการร้องเรียนจากผู้ประกอบการย่านซอยนานา เขตสุขุมวิท กรุงเทพฯ ทราบว่า กลุ่มคนขอทานที่แต่งตัวเป็นชาวตะวันออกกลาง มีแก๊งขอทาน คนต่างด้าวสร้างความเดือดร้อนรำคาญให้กับร้านค้าและนักท่องเที่ยวย่านซอยนานา เขตสุขุมวิท กรุงเทพฯ

พบว่า กลุ่มคนต่างด้าว เป็นกลุ่มคนสัญชาติจอร์แดน ซึ่งพัก อาศัยอยู่โรงแรมย่านซอยนานา สุขุมวิท กรุงเทพฯ โดยจะนัดรวมตัวกันบริเวณหน้าห้างนานาสแควร์

จากนั้นจะแยกย้าย กันขอทานในลักษณะรบเร้า เดินตามนักท่องเที่ยวที่กำลังซื้อสินค้าในร้าน และเมื่อนักท่องเที่ยวให้เงินแล้วยังเดินตามมา ขอเงินซ้ำอีก

โดยจะมาเป็นกลุ่มย่อยๆ กลุ่มละ 2-3 ราย โดย อุ้มเด็กเล็ก จูงมือเด็กโต เพื่อให้นักท่องเที่ยวรู้สึกสงสาร บางครั้งจะยืนรอนักท่องเที่ยวที่ตู้กดเงินสด เมื่อนักท่องเที่ยวมากดเงินจะเข้าไปหาเพื่อขอเงิน ซึ่งนักท่องเที่ยวบางราย ต้องให้เงินจำนวน 500-1,000 บาท กลุ่มคนดังกล่าวจึงจะยอมเลิกขอเงิน

จากการได้เข้าตรวจสอบโรงแรมย่านซอยนานา สุขุมวิท กรุงเทพฯ ซึ่งเป็นที่พักอาศัยของกลุ่มขอทาน  พบคนต่างด้าว สัญชาติจอร์แดนเป็นผู้ใหญ่ 7 ราย (ชาย 3 ราย / หญิง 4 ราย) และผู้ติดตาม 16 ราย

พบว่าเป็นกลุ่มที่ตระเวนขอทานบริเวณซอยนานา และเป็นกลุ่มเดียวกันกับที่ ผู้ประกอบการถ่ายภาพ และคลิปวีดิโอไว้ จึงได้ตรวจสอบหนังสือเดินทางของกลุ่มดังกล่าวพบว่า ทั้งหมดเดินทางเข้าประเทศไทยด้วยวีช่านักท่องเที่ยว

ตรวจสอบพบว่า การอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรยังไม่สิ้นสุด ผบก.สส.สตม จึงได้เพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรของคนต่างด้าวดังกล่าว เนื่องจากพิจารณาแล้วเห็นว่ามีพฤติการณ์ที่น่าเชื่อว่าเป็นบุคคลที่เป็นภัยต่อสังคม หรือจะก่อเหตุร้ายให้เกิดอันตรายต่อความสงบสุขหรือความ ปลอดภัยของประชาชน เชื่อว่าเข้ามาเพื่อประกอบกิจการที่ขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน ขึ้นบัญชีป็นคนต้องห้ามเข้ามาในราชอาณาจักร นำตัวส่ง กก.3 บก.สส.สตม. เพื่อดำเนินการกักตัวรอบนอกราชอาณาจักรต่อไป

นอกจากนี้ ยังได้มีการระดมกวาดล้าง จับกุมคนต่างด้าว ในข้อหา กระทำการเป็น แหล่งท่องเที่ยวสำคัญต่างๆ เช่น เมืองพัทยา, จ.เชียงใหม่ และ จ.ภูเก็ต ทำให้สามารถจับกุมต่างด้าวขอทานได้อีก จำนวน 33 ราย

โดยแบ่งออกเป็น สัญชาติกัมพูชา 26 ราย / สัญชาติเมียนมา 2 ราย / สัญชาติรัสเซีย 2 ราย / สัญชาติ กัมพูชา 1 ราย และสัญชาติจีน 2 ราย

ซึ่งภายหลังจากการจับกุม คนต่างด้าวที่เข้ามาขอทานในประเทศไทยทั้งหมด จะ ถูกขึ้นบัญชีบุคคลต้องห้าม (Blacklist) ไว้ และดำเนินการสั่งการให้ออกจากพื้นที่ ในประเทศไทยทันที

ทางด้าน  พลตำรวจโท อิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ได้ให้การแถลงระบุว่า ทั้งหมดที่มีการกรอกข้อมูลมาว่าขอทานชาวจีนที่ ใบหน้าลักษณะเหมือนถูกหรือไม่หรือถูกทำร้ายร่างกายนั้น 

ประชาชน ก็คือตำรวจคนแรก เพราะส่วนใหญ่ ประชาชนเป็นผู้แจ้งเบาะแสถ้าพบเห็น คนกระทำผิด เจ้าหน้าที่ก็จะเร่งดำเนินการทันที 

ยืนยันว่า ตนเองอยากประชาสัมพันธ์ว่า กลุ่มขอทานจีนนั้น ข่าวที่ออกมาเป็นข่าวลวง ที่อ้างว่ามาถึงไทยแล้วมาทำร้ายจนใบหน้าพังเสียโฉม แขนขาขาด  ยืนยันว่าไม่มีการทำร้ายร่างกาย หรือ ตัดแต่งอวัยวะภายในประเทศไทยแน่นอน ได้มีการตรวจสอบ โดยละเอียดแล้ว ทราบว่า ขอทานจีนที่เข้ามาประเทศไทยนั้น มีสภาพ บุคลิก เช่นนั้นตั้งแต่เข้าประเทศมา ก่อนเข้าประเทศ ไม่ได้เกิดเหตุ ทำร้ายในประเทศไทย 

ส่วนเรื่องของ ที่มาในช่วงฟรีวีซ่านั้น เป็นการมาต่อเนื่องในไทย มาช่วงต้นปี กลางปี ปลายปี บางราย มาก่อนโควิด -19  เขามักจะใช้ช่องที่คนไทยเป็นคนใจดีมีน้ำใจ เห็นคนเดือดร้อนแล้วขี้สงสาร เขาใช้จุดตรงนี้เป็นช่องทางหาเงิน อยากให้คนไทยช่วยกัน ใครเห็นจะให้หรือไม่ให้เป็นสิทธิ ของประชาชน ถ้าไม่ให้กลุ่มคนพวกนี้ก็นับว่าเป็นการตัดช่องทาง การหารายได้ของกลุ่มคนนี้อีกทางนึง

การที่จับได้แล้วมาแถลงในวันนี้นั้น เป็นการใช้ระยะเวลาในการสอบถาม ซักถามอย่างละเอียด ว่าแต่ละเคสเป็นอย่างไร และได้มาสรุปให้ทุกคนทราบ และข่าวที่เคยออกมาว่า โดนทำร้ายร่างกาย ขู่เข็น ทำให้เสียโฉมในไทยนั้น เป็นข่าวปลอม อยากให้คนไทยช่วยกันเป็นหูเป็นตาและช่วยกันประชาสัมพันธ์ด้วย

advertisement

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวทั่วไป เป็นกระแส