เจ้าอาวาสวัดดัง หอบเงินกฐินหนี แถมยืมตังชาวบ้านอีกกว่า4ล้านหายวับ

21 พ.ย. 66

 

เจ้าอาวาสวัดดังสุพรรณบุรี หอบเงินกฐินหนี แถมยืมตังชาวบ้าน 32 ราย รวมกว่า 4 ล้าน หายไปไหนไม่รู้ เจ้าทุกข์รวมตัวรุดเข้าแจ้งความ

จากกรณีเจ้าหน้าที่การเงินของวัดแห่งหนึ่งใน ต.ดอนกำยาน อ.เมือง จ.สุพรรณบุรีเข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สภ.เมืองสุพรรณบุรีว่า วันที่ 12 พ.ย. 66 มีวัดแห่งหนึ่งได้มีการทอดกฐินสามัคคีได้ยอดเงินจำนวน 717,186.75 บาท ต่อมาเจ้าอาวาสวัดดังกล่าว ซึ่งยังเป็นเจ้าคณะตำบลด้วย ได้นำเงินไปฝากธนาคารแห่งหนึ่ง สาขาสุพรรณบุรี โดยปกติต้องต้องนำเงินดังกล่าวเข้าบัญชีของวัด ต่อมาในช่วงเย็นวันที่ 17 พ.ย. 66 ได้ตรวจสอบยอดเงินในบัญชีเงินฝากธนาคารแห่งหนึ่งของวัดดังฯ โดยนำสมุดไปปรับดูยอดเงิน ปรากฏว่าไม่มีเงินกฐินเข้าบัญชีวัดแต่อย่างใด หลังจากนั้นก็ไม่สามารถติดต่อเจ้าอาวาสดังกล่าวได้ จึงเชื่อว่าเงินกฐินของวัดอยู่ที่เจ้าอาวาสจึงได้แจ้งความร้องทุกข์ให้ดำเนินการตามกฎหมาย 

ต่อมานายจิตรติ รามเนตร รักษาการนายอำเภอเมืองสุพรรณบุรี และคณะ ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง พบว่า เจ้าอาวาสหายตัวไปจริง และไม่สามารถติดต่อได้ ส่วนชาวบ้านผู้เสียหายกว่า 30 รายที่ให้เจ้าอาวาสยืมเงินส่วนตัวเพื่อทำนุบำรุงวัด รวมเป็นเงินประมาณ 4 ล้านบาท เริ่มทยอยออกมาให้รายละเอียดขอให้เจ้าอาวาสนำเงินมาคืนพวกตน 

ความคืบหน้าวันที่ 21 พ.ย. 66 นายจิตรติ เปิดเผยว่า หลังจากที่ได้ประชุมชาวบ้านในพื้นที่ รวมทั้งชาวบ้านที่ให้เจ้าอาวาสยืมเงินไปพัฒนาวัดไปเมื่อช่วงเย็นวันที่ 20 พ.ย. 66 และมอบหมายให้ผู้ใหญ่บ้านร่วมกับพระเลขาฯดำเนินการรับแจ้งรวบรวมข้อมูลความเสียหาย โดยทำบัญชีระบุรายชื่อ ที่อยู่ และจำนวนเงินที่ได้ให้กู้ยืม พร้อมพยานหลักฐานการกู้ยืม (ถ้ามี) จากนั้นที่ประชุมได้พิจารณาด้วยมติเป็นเอกฉันท์ด้วยความเห็นชอบร่วมกัน โดยได้กำหนดให้นัดหมายประชุมติดตามกันอีกครั้งในวันที่ 30 พ.ย. 66 เวลา 13.30 น. ณ วัดบางปลาหมอ ในระหว่างนี้เราอาจจะมีข้อมูลข้อเท็จจริงมากขึ้น โดยวันที่ 30 พ.ย.จะเชิญหน่วยงานที่รับผิดชอบในเรื่องของระเบียบกฎหมาย เช่น อัยการสำนักงานยุติธรรมจังหวัดศูนย์ดำรงธรรมจังหวัด และศูนย์ดำรงธรรมอำเภอ มาคุยให้คำแนะนำชาวบ้านในเรื่องของการที่ชาวบ้านให้เจ้าอาวาสยืมเงิน ถ้าจะดำเนินคดีจะต้องทำอย่างไร เตรียมหลักฐานอะไรบ้าง 

ส่วนพระลูกวัด กล่าวว่า ส่วนตัวก็สนิทกับเจ้าอาวาส เพราะเป็นเลขาทำงานสนองงานคณะสงฆ์ ส่วนเงินกฐินนั้นได้ประมาณ 7 แสนจริง แต่หักค่าใช้จ่ายต่างๆ ค่าช่างที่จ้างมาสร้างพัฒนาทำนุบำรุงวัดแล้วน่าจะเหลือประมาณ 2 แสนบาท ส่วนละเอียดอย่างอื่นไม่ทราบ แต่เท่าที่ทราบเจ้าอาวาสเป็นพระนักพัฒนาชาวบ้านรักใคร่ดี 

ด้าน พ.ต.อ.ธัชชัย ทิพเนตร ผกก.สภ.เมืองสุพรรณบุรี กล่าวว่า ขณะนี้อยู่ในระหว่างพนักงานสอบสวนเรียกสอบพยานที่เกี่ยวข้องต่างๆ ทั้งคณะกรรมการวัดและชาวบ้านที่เจ้าอาวาสยืมเงินประมาณ 30 ราย และชุดสืบสวนติดตามเจ้าอาวาส เพื่อมาให้ปากคำข้อเท็จจริงว่าเข้าข่ายคดีอาญาหรือไม่ เมื่อสอบปากคำพยานครบทุกปากและถ้าเข้าข่ายก็จะดำเนินการทางกฎหมายต่อไป 

ผู้ข่าวรายงานว่า หลังจากลงพื้นที่สอบถามชาวบ้านส่วนใหญ่ยังศรัทธาเจ้าอาวาสองค์ดังกล่าว เพราะพัฒนาวัดจนเจริญ ไม่เคยมีเรื่องเสื่อมเสีย ช่วยเหลือสังคมทุกด้าน ที่ผ่านมาก็ทำนุบำรุงวัดสร้างศาลาวัด หอสวดมนต์ เมรุใหม่ เวลาท่านมาขอยืมเงินชาวบ้าน 50,000-100,000 บาท ชาวบ้านก็ให้ไม่ต้องมีหนังสือสัญญาให้ยืมปากเปล่าเลย เพราะคิดว่าท่านทำเพื่อวัด เราก็ยินดีกัน พอทราบเรื่องตกใจกันหมด ใช่เหรอจริงเหรอ เบื้องต้นก็ยังคิดว่าท่านจะกลับมาก็ให้เวลาเขาหน่อย สักสิ้นเดือน อย่าเพิ่งไปฟันธง ให้โอกาสเค้ากลับมา ส่วนปัญหาในครั้งนี้เจ้าอาวาสไม่เคยเล่าให้ใครฟังถึงปัญหาส่วนตัวแต่อย่างใด ส่วนเรื่องจะมีปัญหาหนี้สินอะไรนั้น คงต้องรอให้ทางเจ้าอาวาสมาชี้แจงต่อไป 

ส่วนความคืบหน้าล่าสุดได้ตรวจสอบกล้องวงจรปิดที่ บขส.สุพรรณบุรี ได้มีภาพเจ้าอาวาสวัดดังคนดังกล่าวได้เดินทางมายัง บขส.สุพรรณบุรี เมื่อวันที่ 17 พ.ย. 66 เวลา13.30 น. ก่อนชาวบ้านผู้เสียหายจะติดต่อไม่ได้จนถึงปัจจุบัน

advertisement

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวทั่วไป เป็นกระแส