วิโรจน์ ข้องใจการตาย ผกก.เบิ้ม เข้าข่ายพ.ร.บ.อุ้มหาย จี้ดีเอสไอรับเป็นคดีพิเศษ

21 พ.ย. 66

วิโรจน์ ข้องใจการตาย ผกก.เบิ้ม เข้าข่ายพ.ร.บ.อุ้มหาย จี้ดีเอสไอรับเป็นคดีพิเศษ ชี้พิรุธถูกยึดมือถือ เฝ้าหน้าห้อง อาจถูกบังคับจิตใจย่ำศักดิ์ศรีก่อนปลิดชีพตัวเอง 

วันที่ 21 พ.ย. 66 ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นาย วิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ยื่นหนังสือถึงดีเอสไอ กรณีการเสียชีวิตของ พ.ต.อ.วชิรา ยาวไธสงค์ หรือ ผกก.เบิ้ม อาจเข้าข่ายการกระทำความผิดตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย หรือ พ.ร.บ.อุ้มหาย 

นายวิโรจน์ ระบุว่า สาเหตุที่ยื่นในครั้งนี้ ทั้งข้อสงสัยว่า เจ้าหน้าที่มีการปฎิบัติกับ ผกก.เบิ้มก่อนเสียชีวิต เข้าข่ายพ.ร.บ.อุ้มหาย โดยมีข้อสงสัย พ.ต.อ.วชิราถูกพาไปที่โรงแรม ถูกยึดโทรศัพท์และมีเจ้าหน้าที่ตำรวจเฝ้าสังเกตหน้าห้อง พ.ต.อ.วชิราต้องหนีกลับบ้านโดยใช้ทางหนีไฟ จึงมองว่าหาก พ.ต.อ.วชิราไม่ถูกควบคุมตัวทำไมถึงต้องหนีไปทางหนีไฟ อาจมีการกระทำการอันใดที่เข้าข่ายการกระทำให้ พ.ต.อ.วชิรารู้สึกทรมานจิตใจ หรือถูกย่ำยีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์หรือไม่ และต้องสืบสวนอย่างมาก คือกรณีที่ พ.ต.อ.วชิราไปนอนที่โรงแรมมีการแจ้งกับญาติหรือไม่ 

สำหรับพ.ร.บ. อุ้มหายมีข้อบังคับใช้ในปี 66 หากเจ้าหน้าที่ในลักษณะนี้ต้องมีการบันทึกภาพวิดีโอ และแจ้งให้กับอัยการฝ่ายปกครองได้รับทราบ ในกรณีที่อยู่ต่างจังหวัดต้องแจ้งให้กับพนักงานอัยการและอำเภอท้องที่ให้ทราบด้วย หากไม่ดำเนินการในเรื่องนี้จะต้องมีความผิดปฏิบัติหน้าที่ไม่ชอบมาตรา 157 

ดังนั้นวันนี้พรรคก้าวไกลจึงมีความจำเป็นต้องยื่นเรื่องนี้ให้ดีเอสไอตรวจสอบ  โดยมองว่าคดีนี้เป็นคดีเป็นคดีที่ซับซ้อน และกระทบกระเทือนกับความรู้สึกประชาชนทั้งประเทศ ซึ่งมองว่าคดีนี้เข้าข่ายที่ดีเอสไอจะรับเป็นคดีพิเศษมองว่าดีเอสไอจะรับเรื่องนี้เข้าสอบสวนอย่างเป็นธรรม 

ส่วนกรณีที่ครอบครัวไม่ติดใจสาเหตุการเสียชีวิตของ พ.ต.อ.วชิรา นายวิโรจน์ ระบุว่า ตนเองก็เชื่อว่า พ.ต.อ.วชิรา ยิงตัวเองจนเสียชีวิต แต่สิ่งที่ข้องใจคือเหตุการณ์ก่อนหน้าที่ พ.ต.อ.วชิราจะยิงตัวเองเสียชีวิตว่ามีการกระทำอะไรที่ย่ำยีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์สร้างความทรมานกับจิตใจ ก่อนที่ พ.ต.อ.วชิราจะยิงตัวเองเสียชีวิตทั้งที่ตัวเองเป็นพ่อลูกแค่ 8 ขวบ จะตัดสินใจลงมือทำตัวเอง และมองว่าการเสียชีวิตของ พ.ต.อ.วชิราเป็นเหมือนกระบวนการรูดม่านปิดคดีส่วยรถบรรทุก ซึ่งมีสัดส่วน 20,000 ล้านบาท และมีข้อสงสัยว่ามีการส่งต่อไปยังนายตำรวจระดับสูงชั้นผู้ใหญ่หลายนาย 

นอกจากนี้ยังระบุด้วยว่ากรณีรถบรรทุกตกบ่อที่สุขุมวิทมีนายตำรวจระดับสูงท่านหนึ่งออกมาชี้นำว่าไม่เกี่ยวกับรถบรรทุก สุดท้ายบทสรุปออกมาว่าไม่เกี่ยวกับสติกเกอร์ดาวบีสีเขียวติด เพื่อเสริมดวงชะตาเท่านั้น ซึ่งส่วนตัวมองว่าไม่น่าจะเป็นการเสริมดวงชะตา มองว่าตำรวจไม่ได้อยู่ในสถานะที่ประชาชนไว้เนื้อเชื่อใจ ก็ขอหวังพึ่งกรมสอบสวนคดีพิเศษในการจัดการเรื่องนี้ด้วย 

ส่วนเรื่องประเด็นขอทานข้ามชาติ นายวิโรจน์ ระบุว่าเป็นเรื่องน่ากังวลว่าการหารายได้จากสิ่งที่ผิดกฎหมายขณะนี้ขยายผลไปแล้ว เราไม่ได้สู้กับผู้มีอิทธิพลท้องถิ่นแต่เป็นการต่อสู้กับผู้มีอิทธิพลที่แข็ง มาเฟียข้ามชาติ มองว่าเป็นเรื่องรุนแรงมาก

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม