บั้งไฟระเบิด ดับทันที 1 ราย บ้านเรือนเสียหายอีก 4 หลังคาเรือน

16 พ.ย. 66

บั้งไฟระเบิดในพื้นที่เชียงใหม่ พบผู้เสียชีวิตทันทีในที่เกิดเหตุ 1 ราย และมีบ้านเรือนได้รับความเสียหาย 4 หลัง โดยที่ผ่านมาเทศบาลได้เข้ามาตรวจสอบและแจ้งเตือนกับผู้เสียชีวิตให้ดำเนินการขออนุญาตการทำบั้งไฟให้ถูกต้องตามกฎหมายแล้ว แต่ก็ยังไม่มาดำเนินการจนเกิดเหตุขึ้น

วันที่ 15 พ.ย. 66 ได้เกิดเหตุบั้งไฟระเบิดที่บริเวณภายในบ้านเลขที่ 60 หมู่ 1 ตำบลป่าไผ่ อำเภอสันทราย จังหวัดเชียงใหม่ โดยจุดเกิดเหตุเป็นโรงเรือน 2 ชั้น ที่ต่อเติมแยกจากตัวบ้าน มีสภาพพังเสียหายทั้งหลังและมีบ้านเรือนในละแวกใกล้เคียงได้รับความเสียหายรวม 4หลังคาเรือน ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวทำให้มีผู้เสียชีวิตทันที 1 ราย คือ นายตุ่น ดวงกิจอายุ 65 ปี เป็นผู้พักอาศัยอยู่ในบ้านหลังที่เกิดเหตุ

จากการสอบถามนางเขมิกา วิริยา ภรรยาผู้เสียชีวิตเล่าว่า นายตุ่น มีความชื่นชอบในการทำบั้งไฟเพื่อนำไปจุดตามงานบุญต่าง ๆ บ่อยครั้ง โดยไม่ได้ทำทุกวันแต่จะทำเป็นครั้งเป็นคราวเมื่อมีการจัดงาน ซึ่งครอบครัวเคยร้องขอให้หยุดทำแล้วแต่ผู้ตายไม่เชื่อเพราะมีความชื่นชอบมาตั้งแต่เด็ก ซึ่งระหว่างเกิดเหตุตนไม่อยู่บ้านมีผู้ตายอยู่บ้านเพียงคนเดียวเท่านั้น

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานได้เข้าตรวจสอบจุดเกิดเหตุก่อนนำร่างผู้เสียชีวิตออกมาจากจุดเกิดเหตุเพื่อนำร่างไปชันสูตรศพอีกครั้งที่โรงพยาบาลตามขั้นตอนต่อไป ส่วนสาเหตุการเสียชีวิตเจ้าหน้าที่จะต้องทำการตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง

ทั้งนี้ภายหลังเกิดเหตุ นายนิรัตน์พงษ์ สิทธิถาวร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมด้วยนายทศพล เผื่อนอุดม รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่, นายอรรถวุฒิ พึ่งเนียมปลัดจังหวัดเชียงใหม่ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ร่วมกันลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์ทันที โดยผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ได้เปิดเผยว่าบ้านหลังดังกล่าวยังไม่ได้ขออนุญาตในการทำบั้งไฟ ซึ่งที่ผ่านมาทางเทศบาลได้เข้ามาตรวจสอบและแจ้งเตือนกับผู้เสียชีวิตให้ดำเนินการขออนุญาตให้ถูกต้องตามกฎหมายแล้ว แต่ก็ยังไม่มาดำเนินการแต่อย่างใด โดยหลังจากนี้ทางจังหวัดจะมีการตั้งคณะกรรมการเข้ามาตรวจสอบเพื่อให้ทราบข้อเท็จจริงโดยเร็วที่สุด พร้อมกันนี้จะได้มีการตรวจสอบอย่างเข้มข้นมากขึ้นในทุกอำเภอให้เข้มงวดเรื่องการตรวจสอบทุกจุดที่เคยมีประวัติการทำพลุบั้งไฟต่าง ๆ เพื่อป้องกันไม่ให้มีการลักลอบทำพลุหรือบั้งไฟเป็นเหตุให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้นอีก

advertisement

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวทั่วไป เป็นกระแส