หมอเล่าเคส คนไข้ปกปิดประวัติ HIV จับสังเกตได้-ขอตรวจเลือดซ้ำ สุดท้ายยอมรับ เผยเหตุผลในการปกปิดสุดพีก!

6 พ.ย. 66

หมอเล่าเคส คนไข้ปกปิดประวัติ HIV สงสัยขอตรวจเลือดกลับถูกปฏิเสธ สุดท้ายเผยความจริงพร้อมเหตุผลในการปกปิดสุดพีก ย้ำ! ปัจจุบัน HIV ไม่ใช่โรคที่น่ากลัว และการปกปิดผลเสียอยู่ที่คนไข้มากกว่าหมอ

"หมอลูกเกด" พญ.ชุณหกาญจน์ เพ็ชรพันธ์ศรี จักษุเเพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านกระจกตาและการผ่าตัดแก้ไขปัญหาสายตา(LASIK) เผยใน tiktok @lasikdr.lookgade เกี่ยวกับประสบการณ์ คนไข้ปกปิดประวัติ HIV เผยขั้นตอนการรับมือและแก้ไขอย่างไร พร้อมแสดงจุดยืนไม่เห็นด้วยกับกรณีที่ หมออินเดียตบคนไข้เพราะยัวะที่คนไข้ปกปิดประวัติ HIV

"หมออินเดียตบคนไข้เพราะคนไข้ปกปิดประวัติ HIV จริงๆ ในฐานะหมอ หมอเชื่อว่ากว่า 95% ของหมอ ต้องเคยเจอคนไข้ปกปิดประวัติ HIV เพียงแต่หมอจะรู้หรือไม่รู้เท่านั้นเอง

อย่างเคสที่หมอเกดเคยเจอเป็น บุคลากรทางการแพทย์ด้วยกันนี่แหละ คนไข้มาด้วยอาการตามัว ตรวจตา 2 ข้างเจอว่าประสาทตามันเน่าเสียหายไปหมดเลย ในฐานะหมอตาเรารู้ได้ทันทีเลยว่าโรคนี้ จะเกิดเฉพาะในคนไข้ที่ภูมิคุ้มกันตก แน่นอนว่า HIV เป็นหนึ่งในโรคที่เราจะต้องคิดไว้เลย

ดังนั้นเราจึงต้องถามคนไข้ เช่น คนไข้ได้ทานยา HIV หรือมีโรคประจำตัวอะไรอยู่หรือเปล่า คนไข้ยืนยันว่าไม่มี
เราก็ทำการตรวจวินิจฉัยและรักษาต่อ แต่ไม่ว่าเราจะหาสาเหตุยังไง ก็ยังหาสาเหตุไม่ได้ว่าทำไมคนไข้คนนี้ถึงภูมิต่ำ

เราเลยขอคนไข้เพื่อตรวจเชื้อ HIV ซ้ำ ซึ่งมันพีกตรงที่คนไข้กลับปฏิเสธตรวจ HIV และแจ้งว่า จริงๆ ตัวเองทราบอยู่แล้วว่าติดเชื้อ HIV แต่มองว่าไม่จำเป็นต้องแจ้งแพทย์ เพราะแพทย์ยังไงก็ต้องป้องกันตัวเองอยู่แล้ว

ซึ่งตามจริงสิ่งที่คนไข้ท่านนี้พูดมันก็ถูกแต่คิดดูว่าในภาพของความเป็นจริงหมอทุกคนก็ไม่ได้ใส่ถุงมือตรวจคนไข้ทุกเคสนะโดยเฉพาะหมอตา

และถึงแม้โอกาสที่จะติดเชื้อมันจะน้อย แต่ถึงอย่างไรก็ตามก็ต้องแจ้งคุณหมอ เพราะมันจะทำให้การวินิจฉัยโรคมันยากขึ้น และในคนไข้ที่ติดเชื้อไวรัสบางชนิดเช่น HIV HPV HCV เวลาที่เราต้องเข้าห้องผ่าตัดมันจะต้องใช้อุปกรณ์บางอย่างที่ใช้แล้วทิ้ง เช่น ชุดผ่าตัด ถ้าหากคนไข้มีเชื้อดังกล่าว หมอจะใช้ชุดผ่าตัดที่แบบเป็นกระดาษที่ใช้แล้วทิ้ง จะได้ลดภาระในการนำมาทำความสะอาด

ทุกคนอาจจะทราบอยู่แล้วว่า HIV ไม่ใช่โรคที่น่ากลัวเลย เพียงแต่การที่เราปกปิดประวัติมันจะเป็นผลเสียต่อตัวคนไข้เอง มากกว่าหมอ

แต่ถึงอย่างไรก็ตามในเคสของ หมออินเดีย สิ่งที่เขาทำคือผิดทุกประการ หมอไม่มีสิทธิ์ทำร้ายร่างกายคนไข้ เพราะหลักการแรกคือ หมอไม่ทำร้ายคนไข้

และ HIV ในปัจจุบันไม่ใช่โรคที่น่ากลัวเลย คนไข้ของหมอส่วนใหญ่จะบอกหมอหมดเลย ซึ่งหมอมองว่าเป็นอะไรที่น่ารักมาก ทำให้เรารับทราบความเสี่ยง คนไข้ก็รับทราบ ทำให้วินิจฉัยได้ถูกต้อง"

@lasikdr.lookgade #hiv #tiktokน่ารู้ #เลสิคหมอลูกเกด #hivไม่ได้ติดกันทางกินข้าว #hivไม่ใช่โรคน่ารังเกียจ #หมอตา #aidsawareness ♬ Sad and lonely - MoppySound

advertisement

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวทั่วไป เป็นกระแส