ทุบหัวฆ่าพ่อหม้าย ทิ้งศพกลางหมู่บ้าน คาดฆาตกรรมอำพราง

3 พ.ย. 66

 

ทุบหัวฆ่าพ่อหม้าย ทิ้งศพกลางหมู่บ้าน คาดฆาตกรรมอำพราง ตำรวจเผยเจอคราบเลือดล้อรถอดีตภรรยา 

วันที่ 2 พ.ย. 66 เวลา 22.00 น. ร.ต.อ.พอดี ไชยคำหาญ รองสว. (สอบสวน) สภ.เพ็ญ ได้รับแจ้งเหตุ คนถูกทุบหัวเสียชีวิต ที่หน้าบ้านหลังหนึ่งในพื้นที่หมู่ 2 บ้านสร้างหลวง ต.เชียงหวาง อ.เพ็ญ จ.อุดรธานี จึงพร้อมด้วย พ.ต.อ.กานต์ ตั้งวิจิตร ผกก.สภ.เพ็ญ และเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน แพทย์เวรรพ.เพ็ญ รุดไปตรวจสอบ 

ที่เกิดเหตุพบศพ นายบุญเพ็ง นครธรรม อายุ 51 ปี ชาว อ.เพ็ญ จ.อุดรธานี นอนหงายอยู่ระหว่างพื้นถนนกับพื้นปูนซีเมนต์หน้าบ้าน ซึ่งเป็นบ้านร้าง ไม่มีคนอยู่อาศัย สภาพศพสวมเสื้อยืดสีน้ำเงิน กางเกงวอร์มขายาวสีดำแถบขาว มีบาดแผลทุบด้วยของแข็งบริเวณกลางศีรษะ ท้ายทอย ขมับซ้าย ลำตัว ขา และแขน มีลอยถลอก กระเป๋ากางเกงวอร์มพลิกออกมาอยู่ด้านนอก มีเหรียญสิบบาท ตกที่เกิดเหตุ 

จากการชันสูตรผู้เสียชีวิต เนื่องถูกทุบด้วยของแข็ง หรือรถเฉี่ยวชน และเหยียบทำให้เลือดคลั่งในสมองเสียชีวิตมา ประมาณ 2-3 ชม. โดยมีคลิปวิดีโอที่ชาวบ้านมาพบศพครั้งแรกถ่ายไว้เป็นหลักฐาน ก่อนจะนำศพขึ้นไปไว้บนลานปูนหน้าบ้าน เพราะเกรงว่าจะโดนรถเหยียบซ้ำ 

ต่อมาเวลา 15.00 น. วันที่ 3 พ.ย. 66 นางปัญญสิริย์ จำปาแดง นายกอบต.เชียงหวางนำผู้สื่อข่าวไปดูจุดเกิดเหตุ และพาไปพบ นางสำรอง นครธรรม อายุ 59 ปีพี่ สาวผู้ตาย เล่าว่า ผู้ตายเป็นพ่อหม้าย เคยแต่งงานมีลูก 2 คน แต่แยกทางกับเมียคนแรก มามีภรรยาใหม่ แต่อยู่ด้วยกันได้ประมาณ 8 เดือนก็แยกทางกันมาประมาณ 10 ปีแล้ว ผู้ตายเป็นคนขยันทำมาหากิน เคยเดินทางไปทำงานต่างประเทศหลายประเทศ จึงมีเงินเก็บ และกลับมาทำบ้าน อยู่กับตนและหลาน โดยสร้างบ้านปูนชั้นเดียว อยู่ในพื้นที่เดียวกันกับตนตามลำพัง 

ซึ่งก่อนหน้านี้ผู้ตายจะดื่มเหล้ามาก แต่ไม่เคยมีเรื่องทะเลาะวิวาทกับ ใครผู้ตายหยุดดื่มเหล้าช่วงเข้าพรรษา3เดือน ก่อนเกิดเหตุผู้ตายได้เกี่ยวข้าวรับจ้างที่ทุ่งนาใกล้บ้านเสร็จแล้วตั้งวงดื่มเหล้ากับหลานรวม 4 คน พร้อมกับบอกตนว่ามีเงินเก็บประมาณ5,000 บาท แต่ฝากไว้กับญาติที่เชื่อใจได้ ผู้ตายมีเงินติดตัวแค่ 500 บาทเท่านั้น ผู้ตายดื่มเหล้าไม่หมดขวด และไม่เมา ประมาณ1ทุ่มกว่าได้ขี่รถจักรยานยนต์เข้าไปในหมู่บ้าน กระทั่งมีชาวบ้านมาแจ้งว่าน้องชายเสียชีวิตอยู่ริมถนนใกล้บ้าน

นายสนิท อำนาจดี ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านสร้างหลวง เล่าว่า ได้รับแจ้งจาก อบต.ว่ามีคนเสียชีวิตอยู่ริมถนน จึงออกมาดูทราบว่ามีวัยรุ่นในหมู่บ้านขี่รถจักรยานยนต์มาพบศพจึงถ่ายคลิปวิดีโอเอาไว้ จากนั้นญาติผู้ตายก็เดินทางมาถึงทราบว่าช่วงกลางวันผู้ตายไปรับจ้างเกี่ยวข้าวกับญาติที่ทุ่งนาข้างบ้านเวลาประมาณ 18.00 น .ผู้ตายได้ขี่รถเข้ามาในหมู่บ้าน ไม่รู้ขี่จักรยานยนต์ไปไหนบ้าง แต่ที่เกิดเหตุไม่พบอาวุธที่ใช้ทำร้าย แต่คาดว่าเป็นของแข็งทุบศีรษะ 

ส่วนนางมัลลิกา อายุ 56 ปี อดีตภรรยาผู้ตายซึ่งตำรวจเชิญมาสอบสวนเล่าว่า ตนมีอาชีพเลี้ยงวัว 10 ตัวเคยอยู่กินฉันสามีภรรยากับผู้ตายประมาณ 8 เดือน เลิกกันมา 10 ปี และยังไม่แต่งงานใหม่ ตนพบกันครั้งสุดท้ายกับผู้ตายเมื่อคืนนี้ที่ร้านค้าในหมู่บ้าน โดยตนไปนั่งดื่มเหล้า ผู้ตายเข้ามาซื้อของ แต่ไม่ได้คุยกันกับผู้ตาย ตกใจที่อดีตสามีเสียชีวิต คิดว่าอดีตสามีเป็นคนดื่มเหล้าเมาแล้วเสียงดังชอบด่าคนไม่รู้ว่าใครทำร้าย ตนดื่มเหล้าจนเมาเสร็จแล้วก็ขับรถปิกอัพกลับบ้าน ตำรวจบอกว่าตนอาจขับรถเหยียบผู้ตาย ซึ่งตนไม่รู้เรื่องเลย 

พ.ต.ท.เศกสันต์ ฤาเวทย์ รองผกก.สส.สภ.เพ็ญ เปิดเผยว่าห ลังได้รับแจ้งเหตุได้รุดออกมาที่เกิดเหตุพบศพนอนหงายอยู่หน้าบานปูนหน้าบ้าน โดยมีนักกีฬาฟุตบอลของหมู่บ้านขับรถยนต์มาพบผู้ตายนอนหงายเสียชีวิตอยู่ระหว่างถนนกับลานหน้าบ้าน จึงได้ถ่ายคลิปวิดีโอไว้เป็นหลักฐาน ก่อนจะนำร่างผู้ตายขึ้นไปไว้ที่ลานปูนหน้าบ้านเพราะเกรงว่าจะมีรถมาเหยียบที่ผ่านมาผู้ตายจะชอบดื่มเหล้า เมื่อเมาก็จะพูดเสียงดังแต่ไม่เป็นพิษเป็นภัยกับผู้ใด ชาวบ้านก็ไม่ถือสา 

“ผู้ตายไม่เคยมีศัตรู ร่องรอยบาดแผลไม่ใช่อุบัติเหตุ ตั้งประเด็นฆาตกรรมไว้ ทั้งแค้นส่วนตัว ชิงทรัพย์ ชู้สาว ซึ่งได้เชิญญาติที่นั่งดื่มเหล้าด้วยกันก่อนเสียชีวิตและภรรยาเก่ามาสอบสวน ซึ่งญาติไม่มีพิรุธได้ปล่อยกลับบ้านไป ส่วนภรรยาเก่าเบื้องต้นให้การปฏิเสธไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับเหตุการณ์ที่อดีตสามีเสียชีวิ ตแต่พบคราบเลือดติดที่ล้อรถด้านหลังซ้าย ซึ่งเป็นรถของภรรยาเก่าจึงให้เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานมาเก็บคราบเลือดไปเปรียบเทียบกับดีเอ็นเอผู้ตาย เพื่อหาหลักฐานในการออกหมายจับคนร้ายต่อไป”

advertisement

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวทั่วไป เป็นกระแส