ภูมิธรรม ยันนำ น้ำตาลทรายกลับเข้าไปเป็น สินค้าควบคุม ลดภาระให้ประชาชน ชาวไร่อ้อยต้องไม่เสียผลประโยชน์ สร้างสมดุลไม่ให้สินค้าขาดตลาด
วันที่ 31 ต.ค. 66 ที่ทำเนียบรัฐบาล นาย ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยถึงการดูแลราคา น้ำตาลทราย ที่ถูกปรับขึ้น 4 บาทในคราวเดียวว่า วันนี้ กระทรวงพาณิชย์จะนำผลจากการประชุมด่วนของคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ (กกร.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณา หลังจากที่ได้นำเสียงวิพากษ์วิจารณ์การปรับขึ้นราคา น้ำตาลทรายในคราวเดียวถึง 4 บาท ทำให้ผู้บริโภคได้รับผลกระทบโดยตรง อีกทั้งยังกระทบไปถึงอุตสาหกรรมอื่นๆ ด้วย
นายภูมิธรรม กล่าวย้ำว่า นโยบายของรัฐบาลในขณะนี้ ต้องการตรึงราคา น้ำตาลทรายเอาไว้ เพื่อเป็นการลดรายจ่ายให้กับประชาชน ไม่อยากให้ประเด็นนี้เป็นปัญหา และก่อนประชุมเมื่อวานนี้ได้หารือกับ รมว.อุตสาหกรรม และคณะกรรมการน้ำตาลและอ้อยได้มาร่วมประชุมด้วย ได้พูดถึงปัญหาหลายอย่าง ในขณะนี้ปัญหานี้หากขยับอะไรบางอย่างก็จะกระทบกับหลายส่วน
โดยเงิน 4 บาทที่ปรับขึ้น จะแบ่ง 2 บาทไปจ่ายเข้ากองทุนสิ่งแวดล้อม PM 2.5 และอีก 2 บาทจะนำไปชดเชยให้เกษตรกรชาวไร่อ้อย รัฐบาลย้ำว่าอย่างน้อยที่สุดก็ต้องตรึงราคาเอาไว้ด้วยการนำเข้าเป็นสินค้าควบคุม ซึ่งที่ผ่านมาก็เคยเป็นสินค้าควบคุมมาโดยตลอด เพิ่งปล่อยให้เป็นเสรีเมื่อช่วงรัฐบาลที่แล้ว แต่เมื่อปัญหากลับมาอยู่ที่ประชาชนผู้บริโภคอีกกลายเป็นผู้รับภาระ ดังนั้นหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องหาทางออกร่วมกัน
นายภูมิธรรม กล่าวต่อว่า สำหรับชาวไร่อ้อย ทางรัฐบาลจะเข้าไปช่วยดูแลไม่ให้ได้รับผลกระทบ ขอฝากไปถึงชาวไร่อ้อยรัฐบาลพยายามดูแลทุกส่วนให้ได้รับประโยชน์ หรือให้ได้รับผลกระทบน้อยที่สุด ส่วนผู้ส่งออกเมื่อราคา น้ำตาลทรายในตลาดโลกสูงย่อมได้รับผลประโยชน์อยู่แล้ว แต่ก็จะเข้าไปควบคุม 1,000 กิโลกรัม สามารถทำได้ตามปกติ แต่ถ้ามากกว่านี้จะต้องมีการขออนุญาต โดยมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าไปดูแล พร้อมย้ำว่า เมื่อน้ำตาลเป็นสินค้าควบคุมก็มีกฎหมายลงโทษ หากมีการกระทำความผิดหรือฝ่าฝืน อย่างไรก็ตามการใช้จ่ายน้ำตาลทรายในประเทศมีอยู่ประมาณ 2,000,000 ตัน หากเหลือก็จะอนุญาตให้ส่งออกได้ตามที่มีและตามที่กฎหมายกำหนด
นายภูมิธรรม ยอมรับว่าเรื่องการลักลอบนำน้ำตาลออกไปขายในต่างประเทศเป็นความจริงที่ปฏิเสธไม่ได้ และเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นมาโดยตลอด ตอนนี้ต้องใช้มาตรการทางกฎหมาย เพิ่มความเข้มงวดกวดขัน รัฐบาลพยายามไม่ให้เกิดภาวะน้ำตาลขาดตลาด โดยการปรับลดราคาลงจะครอบคลุมในพื้นที่ กทม. และปริมณฑล ส่วนในจังหวัดอื่นๆราคาจะแปรผันไปตามต้นทุนการขนส่ง
