โรม คุย กลาโหม บอกมาแนะนำตัวเพื่อทำงานร่วมกันอย่างสร้างสรรค์

30 ต.ค. 66

โรม ” นำคณะกมธ.ความมั่นคงฯ สภาฯเข้าพบ รมว.กลาโหม ถกปมเรือดำน้ำ - จัดซื้ออาวุธ ตั้งประเด็นแนวคิดและมุมมอง หลังเปลี่ยนเป็นเรือฟริเกต  เน้นย้ำช่วยเหลือคนไทยพื้นที่ชายแดน-ถูกหลอกทำคอลเซนเตอร์ หวังลดขั้นตอนทำงานร่วมกันในอนาคต

คณะ กรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติ และการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร นำโดย นาย รังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ประธานกรรมาธิการ เข้าพบ นายสุทิน คลังแสงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม  ที่สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม เพื่อหารือปัญหาความมั่นคงของประเทศเรื่อง เรือดำน้ำ นโยบายด้านการจัดซื้ออาวุธต่าง ๆ และการป้องกันปัญหาชายแดน 

โดยเมื่อมาถึงนายรังสิมันต์ได้นำคณะไปกราบสักการะพระพุทธไตรเสนากลาโหมพิทักษ์ ก่อนจะวางพวงมาลาเพื่อสักการะอนุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5

จากนั้นนายรังสิมันต์ เปิดเผยว่า การมาหารือในวันนี้เป็นหนึ่งแนวทางของคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ โดยก่อนหน้านี้เราไปกระทรวงยุติธรรม วันนี้เรามากระทรวงกลาโหม และต่อไปจะพิจารณาว่าจะไปหน่วยงานไหน โดยมีหลายประเด็นที่ต้องหารือว่าจะเป็นปัญหาชายแดน ซึ่งพวกเราเองให้ความสนใจไม่ว่าจะเป็น 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ พื้นที่ตามตะเข็บชายแดนเมียนมา ที่ก่อนหน้านี้มีปัญหาเรื่องของการค้ามนุษย์และการหลอกคนไทย รวมถึงการจัดซื้อจัดจ้างอาวุธยุทโธปกรณ์ต่าง ๆ นอกจากนี้ยังมีประเด็นอื่น ๆ เช่น เรือดำน้ำ ซึ่งเปลี่ยนไปเป็นเรือฟริเกต (Frigate) รวมถึงนโยบายด้านความมั่นคงการ คือ การเกณฑ์ทหาร โดยเราไม่ได้จำกัดว่าคำถามจะอยู่แค่เรื่องใด ความคาดหวังของเรา คือ อยากจะเข้าใจกองทัพ กระทรวงกลาโหมมากขึ้น หากเรามีความเข้าใจในส่วนนี้ เราจะช่วยอธิบายให้พี่น้องประชาชนเข้าใจว่าทิศทางความมั่นคงของประเทศไทยจะเป็นอย่างไร รวมถึงเพื่อทำความเข้าใจและสนับสนุนการทำงานของกระทรวงกลาโหมให้สามารถปฏิบัติภารกิจได้อย่างมีคุณภาพและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยคาดหวังว่าเราจะมีความเข้าใจที่ดีต่อกัน ช่วยกันทำงานในอนาคตข้างหน้า และหากมีเหตุอะไรสักอย่างที่เราต้องขอความช่วยเหลือจากหน่วยงานความมั่นคง อาจจะสามารถลดขั้นตอน สามารถโทรศัพท์พูดคุยได้เลย เพราะหากทำหนังสือต่าง ๆ อาจไม่ทันการณ์ ไม่ทันแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น เช่นเรื่องปัญหาชายแดน ถือเป็นปัญหาที่ท้าทายต่อความมั่นคงของประเทศ ดังนั้นโอกาสนี้จึงได้เรียนรู้ร่วมกันและทำความรู้จักกันรวมถึงสนับสนุนการทำงานร่วมกัน

ส่วนที่นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล และและประธานกรรมาธิการการทหาร ตั้งคำถาม 8 ข้อ ถึงการจัดซื้อเรือดำน้ำ วันนี้จะทวงถามแทนหรือไม่ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ตนคงไม่ได้มาทวงถามแทนใคร แต่กรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ ที่ประกอบจากหลายพรรคการเมือง หากมีคำถามในเรื่องเรือดำน้ำ ซึ่งตนเชื่อว่ามี แต่จะเป็นกี่ข้อนั้นไม่สามารถที่จะระบุได้ในตอนนี้ขึ้นอยู่กับการชี้แจง อย่างไรก็ตามเราจะให้โอกาสกระทรวงกลาโหมได้อธิบายข้อมูลให้เราเข้าใจรวมถึงวิธีคิดจากเดิมที่ตอนแรกเป็นเรือดำน้ำ และอาจจจะเปลี่ยนเป็นอื่น ๆ เช่น เรือดำน้ำ ซึ่งเปลี่ยนไปเป็นเรือฟริเกต สะท้อนถึงวิถีคิดและมุมมองด้านความมั่นคงที่เปลี่ยนไปหรือไม่ ถือว่าเป็นเรื่องที่สำคัญ

ส่วนเรือดำน้ำจะมีการถามประเด็นใดบ้าง เรื่องนี้ตนให้ความสนใจในเรื่องความสนใจด้านความมั่นคง และเรื่องเรือดำน้ำนั้นมีโจทย์คืออะไร หากวันนี้ประเทศไทยไม่เอาเรือดำน้ำแล้วแสดงว่าโจทย์เปลี่ยนแปลงไปหรือไม่ เราจะได้รับฟังข้อมูลจากทางกองทัพเรือที่จะมาให้ข้อมูล และเหนือสิ่งอื่นใดที่ตนอยากจะทราบคือ เรื่องของการเกณฑ์ทหารว่าสถานะจะเป็นอย่างไรต่อไป โดยเราจะได้มีการร่วมพูดคุย แต่การมาครั้งนี้อย่าเรียกว่ามาตรวจสอบ เป็นการมาแนะนำตัวกันและทำงานร่วมกัน และคาดหวังว่าจะทำงานอย่างสร้างสรรค์ร่วมกัน

ส่วนกรณีปัญหาแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์และคาสิโนชายแดน นายรังสิมันต์ กล่าวว่า จะต้องมีการพูดคุย เพราะ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมาเราใช้เวลาในการพิจารณาปัญหาชายแดนโดยเฉพาะผู้ลี้ภัย แต่ยอมรับว่าปัญหาชายแดนฝั่งเมียนมา ยังมีเรื่องของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ โดยตนได้ทำข้อมูลในเรื่องนี้เยอะมาก ยกตัวอย่างที่บริเวณฝั่งตรงข้ามแม่สอด ก็มีปัญหาในเรื่องของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ต่าง ๆ ธุรกิจสีเทา หรือแม้ที่แม่สาย ก็มีปัญหามีลักษณะของการค้ามนุษย์ ซึ่งตนคิดว่าปัญหาเหล่านี้จะต้องพูดคุยกันว่าจะมีวิธีแก้ปัญหาแก้อย่างไร เพราะในพื้นที่ความมั่นคงส่วนใหญ่อยู่ในความรับผิดชอบของกองทัพ จึงคาดหวังว่าเราจะสามารถร่วมกันทำงานอย่างสร้างสรรค์ อย่างน้อยที่สุด คือ ช่วยเหลือคนไทยออกมาจากบรรดาการหลอกลวงของแก๊งต่าง ๆ ที่คนไทยอยู่ภายใต้การคุมตัวเป็นจำนวนมาก ส่วนประเด็นไอโอจะต้องดูว่าเวลาเพียงพอหรือไม่ ซึ่งเรามีมีหลายวาระที่ต้องพิจารณาร่วมกันวันนี้

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวการเมือง เป็นกระแส