ปลัดกระทรวงแรงงานเดินทางมารับ 8 ร่างแรงงานไทย ที่ไปทำงานในอิสราเอลกลับภูมิลำเนา พร้อมเผยแนวทางช่วยเหลือ เงินเยียวยาครอบครัวผู้เสียชีวิต ขณะที่แรงงานที่เดินทางกลับมาต้องการจะเดินทางไปทำงานที่ใดต่อทางกระทรวงยินดีให้ความช่วยเหลือเต็มที่
นายไพโรจน์ โชติกเสถียร ปลัดกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า ขั้นตอนในการรับร่างของผู้เสียชีวิต ในวันนี้หลังจากนำร่างไปถึงภูมิลำเนาแล้ว กระทรวงแรงงานจะมอบเงินจากกองทุน เพื่อช่วยเหลือคนทำงานในต่างประเทศเป็นจำนวนเงิน 40,000 บาท โดยจะแจ้งให้ญาติเตรียมเอกสารต่าง ๆ เพื่อยื่นต่อประเทศอิสราเอล เพื่อขอรับเงินจากกองทุนจากอิสราเอลอีกส่วนหนึ่ง ที่จะให้ภรรยาเดือนละ 40,000 บาท จนกว่าจะมีครอบครัวใหม่ และลูกของผู้เสียชีวิตได้รับเงิน 8000-12,000 บาท ต่อเดือน จนอายุ 18 ปี โดยจะดำเนินการให้เร็วที่สุด
ส่วนผู้เสียชีวิต วันนี้ได้นำกลับมาแบบเป็นร่างของผู้เสียชีวิตทั้งหมด ส่วนการพิสูจน์อัตลักษณ์ เนื่องจากมีการพิสูจน์มาแล้ว จากประเทศอิสราเอล เมื่อรับร่างผู้เสียชีวิตในวันนี้แล้วก็สามารถที่จะนำศพกลับไปประกอบพิธีกรรมทางศาสนาได้เลย ไม่จำเป็นต้องพิสูจน์ซ้ำ แต่หากญาติติดใจอยากให้มีการพิสูจน์ซ้ำก็สามารถทำได้ไม่มีปัญหา
สำหรับร่างของผู้เสียชีวิตที่ยังไม่ถูกส่งมาทางเอกอัครราชทูตไทยที่อิสราเอล กำลังตรวจสอบความถูกต้อง และจะชี้แจงสาเหตุที่ส่งกลับมาล่าช้า ยืนยันว่าไม่มีปัญหา
ขณะที่ยอดผู้เสียชีวิตได้รับบาดเจ็บและถูกจับเป็นตัวประกันจนถึงตอนนี้ยังคงมีจำนวนเท่าเดิม เช่นเดียวกับการพาคนไทยกลับมายังคงมีการจัดเที่ยวบินไปรับอย่างต่อเนื่อง และมียอดผู้ขอเดินทางกลับเพิ่มขึ้นทุกวัน ล่าสุดตอนนี้มียอดรวม 8,389 คน และยังมีอีกจำนวนกว่า 20,000 คนที่ยังคงทำงานและไม่ประสงค์เดินทางกลับ แม้สถานการณ์ที่อิสราเอลกำลังมีความรุนแรงมากขึ้นทางเอกราชทูตไทยที่อิสราเอลกำลังเร่งประสานเพื่อนำคนไทยกลับมาให้ได้มากที่สุด
อย่างไรก็ตามยอมรับว่าตอนนี้ยังมีอีกหลายคนที่ยังติดอยู่ในพื้นที่สีแดง หรือไม่สามารถติดต่อสถานสถานทูตไทยในอิสราเอลได้ พยายามเร่งแจ้งทางการอิสราเอลให้เข้าไปให้ความช่วยเหลือโดยเร็วที่สุด หรือหากติดต่อทางการไม่ได้ให้ติดต่อกลับมายังญาติในไทยเพื่อดำเนินการประสานงานให้
ขณะเดียวกันได้มีการส่งอาหารแห้ง – น้ำดื่ม ไปให้คนไทยที่อยู่ในศูนย์อพยพด้วย อย่างเช่น บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป และข้าวต้มมัดกว่า 4,000 ชิ้น
นายไพโรจน์ บอกอีกว่า ขอให้ญาติพี่น้องของแรงงานไทยในอิสราเอลสบายใจได้ กระทรวงการต่างประเทศ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จะประสานงานพาคนไทยกลับมาให้ได้โดยเร็วที่สุด ทุกวิถีทาง และกลับมาโดยปลอดภัย รัฐบาลระดมเจ้าหน้าที่ทุกหน่วยงานทำอย่างเต็มที่ ส่วนการหางานทำจะมีการคุยกันต่อไป โดยจะส่งเจ้าหน้าที่ของกระทรวงแรงงานเข้าไปสอบถามพูดคุย ว่าต้องการทำงานในรูปแบบใด จะกลับไปทำงานที่อิสราเอลอีกหรือไม่ หากต้องการกลับไปทางกระทรวงแรงงานก็พร้อมประสานงานให้ และทางการอิสราเอลก็ยินดีอำนวยความสะดวกเรื่องวีซ่าทำงานให้อีก 1 ปี คนที่กำลังจะหมดสัญญาจ้างงานก็จะมีการหารือกับนายจ้างให้ด้วยเช่นกัน
ส่วนที่รายงานว่ายังมีนายจ้างบางคนที่ยังบังคับให้แรงงานไทยทำงานอยู่ได้แจ้งไปยังทูตแรงงานไทยที่อิสราเอลแล้ว ให้เร่งประสานงานติดตามในประเด็นดังกล่าวด้วยเพื่อไม่ให้มีการบังคับทำงานในช่วงภาวะสงคราม
