หมอวรงค์ เดินหน้า ล้มแจก เงินหมื่น หวั่นทำระบบเศรษฐกิจชาติเสียหาย

18 ต.ค. 66

 

หมอวรงค์ ยื่น ผู้ตรวจฯ ส่งศาลปกครอง ล้มแจก เงินหมื่น หวั่นทำระบบเศรษฐกิจชาติเสียหาย เปิดช่องรายใหญ่ฟอกเงินสีเทา 

วันที่ 18 ต.ค. 66 ที่สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ประธานพรรคไทยภักดี พร้อมมวลชนจำนวนหนึ่ง ยื่นคำร้องต่อ ผู้ตรวจการแผ่นดิน เพื่อขอให้พิจารณาความเห็นส่งศาลปกครอง เพื่อระงับโครงการเติมเงิน ดิจิทัล วอลเล็ต  1 หมื่นบาทของรัฐบาล 

โดย นพ.วรงค์ กล่าวว่า การมายื่นเรื่องต่อ ผู้ตรวจการแผ่นดินในวันนี้ ตนตั้งเป้า 2 ประเด็น คือต้องการขอให้ระงับยับยั้งโครงการนี้ เพราะหากยังเดินหน้าจะก่อให้เกิดความเสียหาย ต่อระบบเศรษฐกิจอย่างใหญ่หลวง จึงอยากให้ ผู้ตรวจการแผ่นดินส่งเรื่องไปให้ศาลปกครองพิจารณา และยื่นคำขอให้ศาลกำหนดมาตรการคุ้มครองชั่วคราวก่อนมีคำพิพากษา โดยสั่งให้ระงับโครงการดังกล่าวไว้จนกว่าศาลจะมีคำวินิจฉัย 

นพ.วรงค์ กล่าวอีกว่า เพราะมีข้อกังวลใจว่าถ้าต้องการช่วยเหลือคนจน ทำไมถึงต้องแจกให้กับคนรวยด้วย เช่น ครอบครัวของนายกรัฐมนตรีก็จะได้ 4-5 หมื่นบาท และที่เป็นข้อกังขาคือ ทำไมแจกเป็น เงินดิจิทัล หรือโทเคน ซึ่งมีความซับซ้อน เพราะต้องมีการแลกเปลี่ยนจากเงินสดเป็นโทเคน และโทเคนเป็นเงินสด โดยเฉพาะเงื่อนไขของการจ่ายเงินโทเคนที่ระบุว่าต้อง 6 เดือนขึ้นไปถึงจะแลกเป็นเงินสดได้ ไม่ได้เป็นประโยชน์กับคนยากจน เพราะผู้ค้ารายย่อยเขาต้องหมุนเงินทุกวัน ซึ่งจะเป็นอุปสรรค ทำให้โทเคนไปกองอยู่ที่นักธุรกิจรายใหญ่ อีกทั้งคนยากจนต้องการเงินสดไม่ได้ต้องการเงินโทเคน ซึ่งจะนำไปสู่การฟอกเงินสีเทาครั้งใหญ่ในการรับซื้อโทเคนจากคนยากจนที่เขาต้องการเงินสด อีกทั้งขณะนี้รัฐบาลก็ยังไม่สามารถชี้แจงได้ว่าจะนำเงินจากไหนมาทำโครงการนี้ จึงกังวลว่าสิ่งเหล่านี้จะนำไปสู่การทุจริตกระจายไปทั้งแผ่นดิน 

“กังวลว่าโครงการนี้ไม่ได้ช่วยคนจน แต่ช่วยคนรวย โดยเอาคนจนมาบังหน้า และสิ่งที่กระทำทั้งหมดจะนำไปสู่การขัดต่อกฎหมายหลายมาตราทั้งรัฐธรรมนูญ และ พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. 2561 โครงการนี้เป็นการใช้จ่ายเงินอย่างมหาศาลเพื่อหวังคะแนนนิยมทางการเมือง และการนำโทเคนมาใช้จ่ายแทนธนบัตรเสี่ยงขัดต่อ พ.ร.บ.เงินตรา พ.ศ. 2501 จึงต้องการบอกประชาชนว่าอย่าให้เขาหลอก เขาไม่ได้ต้องการช่วยคนจน แต่ต้องการช่วยคนรวย โดยเอาคนจนมาบังหน้า” นพ.วรงค์ กล่าว 

นพ.วรงค์ กล่าวอีกว่า วันนี้ตนจึงได้รวบรวมข้อเท็จจริงความเห็นจากนักวิชาการ  อดีตผู้ว่าธนาคารแห่งประเทศไทย อดีต รมว.คลังมาเสนอต่อผู้ตรวจการแผ่นดิน ให้ส่งศาลปกครองพิจารณา เพื่อยับยั้งโครงการดังกล่าว สาเหตุที่ตนไม่ไปยื่นต่อศาลปกครองโดยตรง เนื่องจากโครงการนี้ยังไม่ได้เริ่มต้น มาตรการทางปกครองจึงยังไม่ได้เกิด แต่นโยบายดังกล่าวแถลงต่อรัฐสภาเรียบร้อยแล้ว จึงไม่อยากให้เกิดความเสียหายเหมือนโครงการจำนำข้าว ส่วนอีกข้อห่วงใยคือถ้ามีการดำเนินโครงการ และมีการแจกโทเคน ซึ่งจะขึ้นเป็นเงินสดได้ต้องผ่านไปแล้ว 6 เดือน หากในช่วงเวลานั้นเกิดอุบัติเหตุทางการเมือง เช่นมีการยุบสภา เงินนี้ใครจะรับผิดชอบ 

เมื่อถามว่าโครงการ ดิจิทัล วอลเล็ต ต่างจากโครงการรับจำนำข้าวอย่างไ รนพ.วรงค์กล่าวว่า ทั้งสองโครงการมีจุดเหมือนกันมาก โครงการรับจำนำข้าวมีงบประมาณ 94,000 ล้านบาท ความเสียหายไม่ใช่เฉพาะช่วงรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ แต่นับไปถึงรัฐบาลนายสมัคร เสียหายเกือบ 9 แสนล้าน  เฉพาะรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์เสียหาย  6 แสนล้าน  แต่โครงการ ดิจิทัล วอลเล็ต 5 แสน 6 หมื่นล้านบาท ซึ่งมีหน่วยงานออกมาเตือนไม่แตกต่างกัน ในสมัย น.ส.ยิ่งลักษณ์ตายด้วยทุจริต และรัฐบาลชุดนี้หากยังปล่อยให้เกิดขึ้น ก็ตายด้วยทุจริตด้วยการใช้โทเคน  แต่ถ้าไม่ใช้โทเคน โอนเป็นเงินสดผ่านบัญชีโกงยาก อันนั้นอาจจะไม่ตาย  แต่อาจจะทำให้เกิดความเสียหายกับการเงินการคลังของประเทศ  ตนจึงขอเตือนหากใช้โทเคนเมื่อไหร่คุกรออยู่แน่นอน 

นพ.วรงค์ กล่าวว่า นอกจากนี้แหล่งที่มาของเงินยังไม่ชัดเจนก็ขัดรัฐธรรมนูญแล้ว  และผู้ใหญ่ในรัฐบาลก็ยังตอบไม่ตรงกันในเรื่องที่มาของเงิน 

เมื่อถามว่า โครงการนี้จะเข้าข่ายฟอกเงินครั้งใหญ่อย่างไร นพ.วรงค์ กล่าวว่า ชาวบ้านต้องการเงินสด ร้านค้าในหมู่บ้านไม่มีทางอยากจะรับ เพราะไม่มีเงินหมุน เมื่อประชาชนต้องการเงินสด ร้านค้าหัวดี คนที่มีเงินสีเทาจำนวนเยอะๆ สามารถจะไปร่วมมือเอาเงินสีเทาไปรับซื้อโทเคน วิธีการนี้เป็นกระบวนการฟอกเงินสีเทาครั้งใหญ่ ของประเทศครั้งใหญ่ที่ประชาชนอาจคาดไม่ถึง ตนจึงพูดว่าโครงการนี้เป็นการอุ้มคนรวย แต่เอาคนจนมาบังหน้า   

“ถ้าผมเป็นนายเศรษฐาจะแถลงบอกเลยว่าเมื่อถึงที่สุดแล้ว  มันเป็นปัญหา มันมีอุปสรรค และประชาชนต้องการเงินสด พี่น้องประชาชนช่วยคนจน พี่น้องประชาชนไม่อยากจะเห็นเอาเงินสดไปให้ตระกูลเศรษฐีใหญ่ๆ เอาเงินไปให้ สส.  ครอบครัว  สส. สว. ครอบครัวนักการเมืองดังนั้นเราจะลดไซส์ เราจะแจกเป็นเงินสด เอาเฉพาะคนจนที่อยู่ในระบบที่เราต้องการจะช่วย และเราจะแจกเป็นเงินสด เพราะมีระบบรองรับอยู่แล้ว ผมเชื่อว่าประชาชนรับได้ แต่อาจจะโดนด่านิดหน่อย แต่ก็ยังดีกว่าลุยไฟไปข้างหน้าแล้วมีความเสี่ยงต่อประเทศ เสี่ยงต่อพวกเราทุกคน” นพ.วรงค์ กล่าว 

นพ.วรงค์ ยังเชื่อว่าการที่นายกฯ ไม่ระบุถึงบริษัทพัฒนาระบบซุปเปอร์แอปฯ และงบฯในการใช้สร้างระบบ เพราะรู้แล้ว แต่ไม่เปิดเผย แม้มีตัวเลขและบริษัทอยู่ในหัวแล้ว  หากแฟร์จะต้องเปิดเผยให้ประชาชนทราบ ตนจึงเชื่อว่าการแจกเป็นโทเคนจะนำไปสู่วิกฤตครั้งใหญ่ของประเทศ  

           

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวการเมือง เป็นกระแส