ลูกสาวโวยรถพยาบาลจอดซื้อ กล้วยทอด ระหว่างนำส่งพ่อป่วยวิกฤต ร้านอ้างแค่ชะลอ

15 ต.ค. 66

ลูกสาวขอความเป็นธรรม รถพยาบาลจอดซื้อกล้วยทอดระหว่างทางนำส่งพ่อป่วยหนักไปโรงพยาบาล ร้านอ้างแค่ชะลอ หลานชายยัน จอดจริง

เป็นอีกเรื่องราวในโลกออนไลน์ที่กำลังวิพากษ์วิจารณ์อย่างมาก เมื่อมีผู้ใช้เฟซบุ๊ก ช่างแม่ง เถอะ เผยแพร่คลิปที่เกิดขึ้นยังโรงพยาบาล เมื่อหญิงสาวคนดังกล่าวพร้อมคุณแม่และหลานชาย มาทวงถามถึงเหตุผลจากเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลที่พาคุณพ่อที่ไม่สบายมาส่งโรงพยาบาลล่าช้า เนื่องจากแวะซื้อกล้วยทอดระหว่างทาง

เมื่อไม่ได้รับคำตอบจากเจ้าหน้าที่จึงได้นำคลิปดังกล่าวโพสลงเฟซบุ๊ก ก่อนเข้าร้องกับเพจเรื่องจริงนครนายก เพื่อให้ช่วยติดตามทวงถามความเป็นธรรมกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยเหตุการณ์ในคลิปลูกสาวของผู้ป่วยได้เผยแพร่คลิปขณะทวงถามกับเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลที่ขับรถไปรับคุณพ่อมาส่งโรงพยาบาล แต่ระหว่างทางได้แวะซื้อกล้วยทอด ทั้งที่คนป่วยยังอยู่ในรถและรอนำตัวส่งโรงพยาบาลอย่างเร่งด่วน

น.ส.สุชาดา อายุ 32 ปี ลูกสาวคนป่วย ระบุว่า วันเกิดเหตุนายสมหมาย คุณพ่อป่วยอยู่บ้านใน อ.เมืองนครนายก จึงให้หลานชายโทร.หากู้ภัย และโทร.1669 ก่อนมีรถโรงพยาบาลมารับ โดยตอนนั้นคุณพ่ออาการหนักแล้ว ระหว่างที่รอรถพยาบาลมารับ เจ้าหน้าที่ก็เริ่มพูดไม่ดีบอกว่ากำลังรีบไปรับ แต่น้องชายบอกว่ายังไม่เห็นรถพยาบาลมาเลย

ลูกสาวคนป่วยระบุอีกว่า ต่อมาเมื่อรถพยาบาลมาถึงบ้าน พ่ออาการเริ่มวิกฤตแล้ว ก่อนพาพ่อขึ้นรถพยาบาล เพื่อนำตัวส่งโรงพยาบาล ระหว่างนั้นเจ้าหน้าที่ถามอาการคุณพ่อว่าอาการเป็นอย่างไรบ้าง ถ้า 100 คะแนน อาการให้กี่คะแนน พ่อก็บอกว่าตอนนี้เหลือ 8 คะแนนแล้ว เนื่องจากอาการหนักมาก เพราะป่วยหลายโรคมาก

ลูกสาวเผยอีกว่า เมื่อนำพ่อขึ้นรถพยาบาลแล้ว เจ้าหน้าที่แจ้งว่าไม่ให้หลานชายขึ้นรถพยาบาลไปด้วย ต้องเป็นผู้ใหญ่ที่ต้องขึ้นรถพยาบาลไปด้วยกัน หากให้เด็กไปจะไม่สามารถทำการรักษาได้ ทั้งที่หลานชายก็อายุ 22 ปีแล้ว สามารถเซ็นเอกสารและตัดสินใจได้ ตนจึงบอกงั้นเดี๋ยวขึ้นรถไปเอง แต่เมื่อเข้าบ้านไปเปลี่ยนชุดออกมารถพยาบาลก็ออกไปแล้ว เพื่อพาพ่อไปโรงพยาบาล

ลูกสาวคนป่วย กล่าวอีกว่า ระหว่างรถพยาบาลนำตัวพ่อที่ป่วยส่งโรงพยาบาล หลานชายที่อยู่บนรถเล่าว่า รถพยาบาลเหมือนชะลอดูต้นไม้ และได้ยินคนบนรถพูดว่า "ต้นไม้สวยดี" ซึ่งเป็นต้นไม้บริเวณปากซอยบ้าน ทั้งที่ตอนนั้นพ่อยังป่วยขั้นวิกฤตอยู่บนรถ

ลูกสาวคนป่วยเผยว่า ไม่หมดแค่นั้นระหว่างทางนำพ่อไปโรงพยาบาล รถพยาบาลยังแวะเอากล้วยทอดระหว่างทางไปโรงพยาบาลอีก ซึ่งหลานชายอยู่บนรถก็บอกว่ารถพยาบาลจอดชะลอเอากล้วยทอดด้วย จึงทวงถามความเป็นธรรมกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตามคลิปที่ปรากฏ

ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ไม่ได้ตอบคำถามใดๆ และไม่มีใครออกมาพูดคุยหรือชี้แจงอะไร ลูกสาวจึงได้ร้องขอความเป็นธรรมกับทางเพจเรื่องจริงนครนายก เมื่อทางเพจได้รับเรื่องร้องเรียนดังกล่าว จึงได้ส่งทีมลงพื้นที่พร้อมผู้สื่อข่าว เข้าสอบถามข้อเท็จจริงจากทางร้านกล้วยทอดดังกล่าว ว่าทางรถ รพ. ได้มาหยุดซื้อกล้วยทอดหรือไม่ ซึ่งทางร้านได้ตอบว่า มีการมาจริง ซึ่งเป็นการสั่งล่วงหน้ามา ไม่ได้มาจอดซื้อ เมื่อผ่านมา ทางร้านก็ได้ วิ่งเอาออกไปให้ โดยไม่ได้มีการหยุดรถแต่อย่างใด เพียงแค่ชะลอแล้วส่งให้เท่านั้น

ต่อมาทางทีมเพจเรื่องจริงนครนายก และผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปพบกับผู้ป่วย และหลานของผู้ป่วยที่ได้เดินทางมากับรถ รพ. ในวันดังกล่าว สอบถามถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งทางหลานของผู้ป่วยนั้น ได้ยืนยันว่า รถได้จอดจริง ซึ่งก่อนจะจอด รถได้มีการชะลอ เพื่อรอคนส่งกล้วยทอดวิ่งข้ามถนน มายืนรอส่งกล้วยทอด เมื่อถึงจุดที่คนส่งกล้วยทอดรออยู่ คนที่มาส่งนั้นได้ส่งให้กับเจ้าหน้าที่พยาบาล ที่อยู่ภายในรถตู้ โดยเปิดประตูสไลด์ ด้านข้างตัวรถ ส่งให้ และได้มีการพูดคุยกันนิดหน่อย ซึ่งใช้เวลาในการจอดประมาณ 1-2 นาที ก่อนจะเคลื่อนตัวรถออก

ลูกสาวของผู้ป่วยได้ขับรถตามหลังมา แต่ติดไฟแดงอยู่ แต่ก็ยืนยันว่ามองข้ามไฟแดงมาก็เห็นท้ายรถของ รพ. จอดอยู่จริง ซึ่งตอนแรกลูกสาวก็คิดว่ารถติดทำถนนอยู่หรือป่าว จนได้มาถามกับหลานผู้ป่วยที่นั่งมาในรถ ว่ารถจอดทำไมก่อนหลานจะบอกว่าจอดซื้อกล้วยทอด

ต่อมาทีมเพจเรื่องจริงนครนายก และผู้สื่อข่าว ได้สอบถามกับทาง รพ. ถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น ซึ่งทาง รพ. ได้แจ้งว่า เบื้องต้นผู้บริหารโรงพยาบาลนครนายกได้รับทราบข้อมูลที่ปรากฏอยู่ในคลิปวีดีโอดังกล่าวแล้ว ทางโรงพยาบาลนครนายก ไม่ได้นิ่งนอนใจ และไม่สบายใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเช่นนี้ และขอเรียนให้ทราบว่า เรื่องที่เกิดขึ้นอยู่ระหว่างการสอบสวนข้อเท็จจริงในการปฏิบัติหน้าที่ ของเจ้าหน้าที่ ผู้ให้บริการ ซึ่งจะมีการเรียกสอบเข้มในวันจันทร์ที่ 16 ต.ค. 66 นี้ จากเหตุการณ์ครั้งนี้

ทางโรงพยาบาล เปิดเผยว่า ได้มีการฝึกอบรมทางด้านจริยธรรมวิชาชีพการให้บริการอย่างเข้มงวด อย่างสม่ำเสมอ และขอเรียนให้ทราบว่าขณะนี้ผู้ป่วยอยู่ในความดูแลของแพทย์ และพยาบาล  ซึ่งรายงานจากผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการเพื่อวินิจฉัยโรค ไม่พบภาวะหัวใจขาดเลือด อาการทั่วไปคงที่ ขณะนี้ให้ผู้ป่วยพักรักษาตัวกลับไปรักษาตัวที่บ้านต่อไป

 

advertisement

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวทั่วไป เป็นกระแส