เตือน! 6 โรคอันตรายที่มากับน้ำท่วมในฤดูฝน และหลังน้ำท่วม

6 ต.ค. 66

เตือน! 6 โรคอันตรายที่มากับน้ำท่วมในฤดูฝน และหลังน้ำท่วม พร้อมเผยสาเหตุการเกิดโรค อาการ และวิธีการป้องกันก่อนเกิดโรค

 

โรคที่มากับน้ำท่วม

โรคที่มากับน้ำท่วม

1.โรคน้ำกัดเท้าหรือ ฮ่องกงฟุต

สาเหตุ

มีอาการคันซึ่งเกิดจากเชื้อราที่เท้า เมื่อเท้าเปียก ๆ ชื้น ๆ จะเป็นบ่อเกิดของเชื้อราที่เรียกว่า Dermatophytes เนื่องจากเชื้อราจะเจริญเติบโตได้ดีในอากาศชื้น การติดเชื้อส่วนใหญ่ หากไม่ใช่ฤดูฝน มักจะเกิดจากเหงื่อออก หมักหมม ไม่รักษาความสะอาดให้ดี แต่หากในช่วงน้ำท่วม มักเป็นจากเท้าที่เปียกๆ ชื้นๆ บ่อยๆ แล้วไม่ดูแลรักษาความสะอาดให้ดี

อาการ

คันตามซอกนิ้วเท้า ผิวหนังลอกเป็นขุย มีผิวหนังอักเสบบวมแดงเป็นผื่นพุพอง หรือมีลักษณะเท้าเปื่อยและเป็นหนอง

วิธีการป้องกัน

  • หลีกเลี่ยงการเดินลุยน้ำ ลุยโคลน
  • ล้างเท้าให้สะอาดและเช็ดให้แห้งเมื่อเดินลุยน้ำ น้ำท่วมขัง น้ำที่ไม่สะอาด ลุยโคลน
  • หากเท้ามีบาดแผลไม่ควรเดินลุยน้ำท่วมขัง น้ำที่ไม่สะอาด โคลน หรือหากจำเป็น เลี่ยงไม่ได้ควรสวมองเท้าบูธป้องกัน

 โรคที่มากับน้ำท่วม

 

2.โรคเกี่ยวกับระบบทางเดินอาหาร เช่น โรคอุจจาระร่วง อาหารเป็นพิษ อหิวาตกโรค โรคบิด ไทฟอยด์ และโรคตับอักเสบ

สาเหตุ

เกิดจากการรับประทานอาหารที่ไม่สะอาด มีการปนเปื้อนของเชื้อไวรัสหรือแบคทีเรียเข้าไป การสัมผัสเชื้อจากการกินอาหารหรือดื่มน้ำที่ปนเปื้อนเชื้อโรคจากสิ่งปฏิกูลที่มาจากน้ำท่วม หรือจากการใช้น้ำที่ไม่สะอาดชำระล้างภาชนะใส่อาหาร เป็นต้น

อาการ

ถ่ายอุจจาระเหลว หรือถ่ายเป็นน้ำ หรือมีมูกเลือด ปวดท้อง คลื่นไส้อาเจียน วิงเวียนศีรษะ มีไข้ ปวดเมื่อยตามตัว เบื่ออาหาร ตัวเหลือง ตาเหลือง

วิธีการป้องกัน

  • รับประทานอาหารที่ปรุงสุก
  • ดื่มน้ำสะอาด หรือน้ำต้มสุก
  • ล้างมือด้วยสบู่และน้ำสะอาดทุกครั้ง ทั้งก่อนทำอาหาร ก่อนทานอาหาร และหลังทานอาหาร รวมถึงหลังการขับถ่าย
  • ห้ามถ่ายอุจจาระลงไปในแหล่งน้ำ หากใช้ส้วมไม่ได้ ควรถ่ายลงในถุงพลาสติก ปิดปากถุงให้แน่น แล้วนำไปใส่ในถุงขยะ

โรคฉี่หนู

 

3.โรคเลปโตสไปโรซิส หรือ โรคฉี่หนู

สาเหตุ

เกิดจากเชื้อ Leptospira interogans มักจะพบการระบาดในเดือนตุลาคม และพฤศจิกายน เนื่องจากเป็นฤดูฝนและมีน้ำขัง เชื้อนี้สามารถพบได้สัตว์หลายชนิด  แต่พบมากในหนู  โดยเชื้อโรคในตัวหนูจะออกมากับฉี่ของหนู และปนเปื้อนอยู่ตามแหล่งน้ำ ซึ่งเชื้อที่อยู่ตามแหล่งน้ำนี้ สามารถเข้าทางผิวหนังของผู้ป่วยที่มีบาดแผล หรือรอยถลอกที่ผิวหนัง และหากบริเวณบาดแผลไปสัมผัสกับน้ำที่มีเชื้อโรคฉี่หนู เชื้อโรคก็จะเข้าสู่ตัวผู้ป่วย และก่อโรคได้

อาการ

มีไข้สูงฉับพลัน ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ โดยเฉพาะบริเวณน่อง โคนขา หรือหลัง บางรายอาจมีอาการตาแดง มีจุดเลือดออกตามผิวหนัง ไอมีเลือดปน ตัวเหลือง ตาเหลือง และปัสสาวะน้อย

วิธีการป้องกัน

  • หลีกเลี่ยงการว่ายน้ำ แช่ ลุยในน้ำที่อาจปนเปื้อนเชื้อปัสสาวะของสัตว์นำโรค
  • ล้างเท้าหรือส่วนที่แช่อยู่ในน้ำเมื่อขึ้นจากการแช่น้ำทุกครั้ง และรีบอาบน้ำทำความสะอาดร่างกายทันที
  • เมื่อมีอาการน่าสงสัย เช่น มีไข้ ปวดศรีษะรุนแรง ปวดกล้ามเนื้อน่อง โคนขา หลังหรือมีอาการตาแดง ให้รีบไปพบแพทย์ด่วน

 

โรคไข้เลือดออก

4.โรคไข้เลือดออก

สาเหตุ

เกิดจากการติดเชื้อไวรัสเดงกี (dengue virus) โดยมียุงลายเป็นพาหะนำโรคมาสู่คน มักพบในประเทศเขตร้อนและระบาดในช่วงฤดูฝนของทุกปี อาการมีตั้งแต่ไม่รุนแรงไปจนถึงเสียชีวิตได้ หากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที

อาการ

มีไข้สูงลอย (อุณหภูมิของร่างกายสูงกว่าปกติตลอด 24 ชม. โดยอุณหภูมิที่สูงสุดและต่ำสุดในแต่ละวันมีความแตกต่างกัน ไม่เกิน 1 องศาเซลเซียส) ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยตามตัว มีจุดเลือดออกตามผิวหนัง หรืออาจมีเลือดออกตามไรฟัน

วิธีการป้องกัน

  • ระมัดระวังไม่ให้ยุงกัด เช่น นอนในมุ้ง สวมใส่เสื้อแขนยาว กางเกงขายาว หรือใช้สารไล่ยุง (Mosquito Repellents) แนะนำให้ใช้ผลิตภัณฑ์ที่ใช้ DEET ทาผิวนอกเสื้อผ้า
  •  
  • กำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลายซึ่งเป็นพาหะของโรคไข้เลือดออก
  •  
  • ปิดปากภาชนะเก็บน้ำด้วยผ้า ตาข่ายไนล่อนอะลูมิเนียม หรือวัสดุอื่นที่สามารถปิดปากภาชนะเก็บน้ำนั้นได้อย่างมิดชิด จนยุงไม่สามารถเล็ดลอดเข้าใปวางไข่ได้
  •  
  • หมั่นเปลี่ยนน้ำทุกวัน ซึ่งเหมาะสำหรับภาชนะเล็ก ๆ ที่มีน้ำไม่มาก เช่น แจกันดอกไม้สด ทั้งที่เป็นแจกันที่หิ้งบูชาพระ แจกันที่ศาลพระภูมิ หรือแจกันประดับตามโต๊ะ รวมทั้งภาชนะและขวดประเภทต่างๆ ฯลฯ
  •  
  • ใส่ทรายในจานรองกระถางต้นไม้ เพื่อให้ทรายดูดซึมน้ำส่วนเกินจากการรดน้าต้นไม้ไว้ ซึ่งเป็นวิธีที่เหมาะสาหรับกระถางต้นไม้ที่ใหญ่และหนัก ส่วนต้นไม้เล็กอาจใช้วิธีเทน้ำที่ขังอยู่ในจานรองกระถางต้นไม้ทิ้งไปทุกวัน
  •  
  • การเก็บทำลายเศษวัสดุ เช่น ขวด ไห กระป๋อง ฯลฯ และยางรถยนต์เก่าที่ไม่ใช้ หรือคลุมให้มิดชิดเพื่อไม่ให้รองรับน้ำได้
  •  
  • ฉีดวัคซีนไข้เลือดออก ซึ่งปัจจุบันสามารถป้องกันการติดเชื้อไวรัสเดงกี และลดความรุนแรงของโรคได้เฉพาะในผู้ใหญ่ หรือเด็กอายุมากกว่า 6 ปี เนื่องจากวัคซีนจะได้ผลดีเฉพาะในผู้ที่เคยมีการติดเชื้อไวรัสเดงกีมาก่อนเท่านั้น จึงควรมีการตรวจเลือดก่อนการฉีด ควรปรึกษาแพทย์ก่อนการฉีดวัคซีน

 

โรคตาแดง

5.โรคตาแดง

สาเหตุ

ใช้มือสกปรกที่อาจมีเชื้อโรคขยี้ตา ใช้สิ่งของเครื่องใช้ร่วมกับผู้ที่เป็นโรค หรือเล่นกับผู้ป่วย แมลงวันหรือแมงหวี่ตอมตา หรือฝุ่นละอองเข้าตามาก ๆ จนตาอักเสบ อาบน้ำในคลองสกปรก หรือที่มีตาแดงระบาด

อาการ

มีอาการระคายเคืองตา ตาแดง หนังตาบวม ตาสู้แสงไม่ได้ หรือมีน้ำตาไหล

วิธีการป้องกัน

  • เมื่อมีฝุ่นละอองหรือสิ่งสกปรกเข้าตา ควรรีบล้างตาด้วยน้ำสะอาดทันที
  • เมื่อมีอาการคันตา ไม่ควรขยี้ตาด้วยมือที่สกปรกหรือยังไม่ได้ล้าง
  • หากพบผู้ป่วยที่มีอาการของโรคตาแดง ควรแยกผู้ป่วยออกจากผู้อื่นก่อน
  • ไม่ควรใช้สิ่งของร่วมกับผู้ที่ป่วยเป็นโรคตาแดง เพื่อป้องกันการระบาดและการติดโรค

 

โรคทางเดินหายใจ

6.โรคที่เกี่ยวกับทางเดินหายใจ

สาเหตุ

เกิดจากการติดเชื้อไวรัสซึ่งมีหลายสายพันธุ์ พบบ่อยในช่วงฤดูฝนและฤดูหนาว หรือโดยเฉพาะช่วงที่มีอากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย

อาการ

มีไข้ มีน้ำมูก คัดจมูก ไอ เจ็บคอ ปวดเมื่อยเนื้อตัว ปวดศีรษะ อ่อนเพลีย และเบื่ออาหาร

วิธีการป้องกัน

  • ดูแลร่างกายให้อบอุ่นอยู่เสมอ
  • ไม่สวมเสื้อผ้าที่เปียกชื้น
  • เช็ดตัวให้แห้ง
  • หลีกเลี่ยงการแช่น้ำเป็นเวลานาน
  • หลีกเลี่ยงการใกล้ชิดกับผู้ป่วยที่เป็นหวัด
  • ปิดปากและจมูกเวลาไอ หรือ จาม
  • ล้างมือเป็นประจำ ด้วยน้ำ และสบู่

 

ขอบคุณข้อมูล อ้างอิงจาก : คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล,โรงพยาบาลเปาโล,โรงพยาบาลกรุงเทพ

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม