ดราม่าปังชา ทนายเกิดผล ชี้ เจ้าของไม่ใช่ผู้สร้างสรรค์ ใช้สิทธิ์ไม่สุจริต ร่อน notice เรียกค่าเสียหายเกินกำไร ลั่นถ้าเปิดร้านฟ้องกลับแน่
จากกรณีของ ร้านลูกไก่ทอง ที่กลายเป็นประเด็นที่สังคมให้ความสนใจเป็นอย่างมากในตอนนี้ ภายหลังจากเฟซบุ๊กเพจของทางร้านโพสต์ข้อความ ว่า ทางแบรนด์ได้จดเครื่องหมายการค้า (Trademark) ทั้งชื่อ”ปังชา” ภาษาไทย และ “Pang Cha” ภาษาอังกฤษ ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองเครื่องหมายการค้า พ.ศ.2534 ประกอบด้วย จดทะเบียนลิขสิทธิ์, จดทะเบียนสิทธิบัตร
โดยย้ำว่า ห้ามลอกเลียนแบบ ทำซ้ำ ดัดแปลง แก้ไข และ สงวนสิทธิ์ห้ามนำชื่อแบรนด์ปังชา Pang Cha ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ ไปใช้เป็นชื่อร้านหรือใช้เป็นชื่อสินค้าเพื่อจำหน่าย
ภายหลังจากโพสต์ดังกล่าวถูกแชร์ออกไปพบว่ามีผู้ประกอบการเจ้าของร้านชาหลายรายได้รับผลกระทบ โดยพบ เจ้าของร้านที่เชียงรายถูกเรียกค่าเสียหาย 102 ล้านบาท โดยถูกอ้างว่าละเมิดเครื่องหมายการค้าโดยการใช้ชื่อร้านว่า "ปังชา" นอกจากนี้ ผู้ประกอบการอีก 1 ราย ซึ่งเปิดร้านได้เพียง 1 เดือน ถูกเรียกค่าเสียหายถึง 7 แสนบาท เพราะมีคำว่า “ปังชา” ติดที่ป้ายไฟหน้าร้าน
อ่านข่าว : เจ้าของร้านชาหาดใหญ่ โอดเปิดได้เดือนเดียวเจอฟ้อง "ปังชา" เรียกค่าเสียหาย 7 แสน
เกี่ยวกับเรื่องนี้ นายเกิดผล แก้วเกิด ทนายดังโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวถึงกรณี ดราม่าปัง โดยระบุข้อความว่า ทรัพย์ทางปัญญา ที่ควรได้รับความคุ้มครอง ควรเป็นของผู้ที่คิดค้น ออกแบบ ใช้ความวิริยะ อุตสาหะ และพัฒนา ด้วยความรู้ความสามารถของผู้เป็นเจ้าของ ตั้งแต่แรกเริ่ม ไม่ใช่มาใช้ขื่อทีหลัง ทั้งๆที่คำว่า "ปังชา" ร้านอื่นใช้มานานนม แล้วตัวเองเห็นว่าเหมาะ ก็นำไปจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า โดยปรับเปลี่ยนรูปแบบให้แตกต่างจากของคนอื่นเพียงเล็กน้อย
แบบนี้ ไม่ใช่การใช้ความวิริยะ อุสาหะ หรือ การพัฒนา การรัังสรรค์ใดๆ ทั้งสิ้น เมื่อตัวเองไม่ใช่ผู้สร้างสรรค์ แม้นำไปจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า ประกอบกับคำว่า ปังชา เป็นคำสามัญ บุคคลทั่วไปย่อมมีสิทธิ์ใช้คำนี้ได้ การร่อน notice ให้เขาจ่ายเงินถึง 102 ล้านบาท มากกว่ากำไรจากผลประกอบการ ทางธุรกิจ ในช่วงเวลาไม่นาน หลังจดทะเบียน ผมถือว่า เป็นการใช้สิทธิ์ไม่สุจริต หากขึ้นศาล ก็เป็นพวกมาศาลแต่มือสกปรก ใช้กฎหมายและศาลเป็นเครื่องมือ ถ้าผมเป็นร้านปังชา ร้านอื่นที่ได้รับโนติ๊ส ผมฟ้องกลับแน่นอน หรือผมจะเปิดร้าน ปังชา เพื่อลองของ สักคดี
