สลด!คนร้ายฆ่าชิงทรัพย์ตาวัย74ปีต่อหน้าเมียป่วยติดเตียง

29 ส.ค. 66

โหดเหี้ยม คนร้ายก่อเหตุฆ่าชิงทรัพย์ตาวัย 74 ปี ต่อหน้าเมียป่วยติดเตียง

 

ตำรวจ สภ.อู่ทอง จ.สุพรรณบุรี รับแจ้งมีเหตุชิงทรัพย์ และฆ่าเจ้าของบ้านเสียชีวิต ที่บ้านเลขที่ 378 หมู่ 5 ต.อู่ทอง ที่เกิดเหตุเป็นบ้านชั้นเดียว เปิดเป็นร้านขายของชำ ที่ชั้นขายของ ถูกรื้อค้นของหล่นกระจาย พบร่างผู้เสียชีวิต นายสมชัย กล้าหาญ  อายุ 74 ปี นอนตามจมกองเลือด ส่วนที่หลังบ้านพบบานเกล็ดหน้าต่างถูกงัดออก 2 แผ่น และประตูถูกเปิดออก ตรวจสอบในเบื้องต้น พบทรัพย์สินที่หายไป เป็นรถโตโยต้าวีโก้ ทะเบียน 7163  สุพรรณบุรี , รถ จยย. เวฟ 110 สี ขาว-ดำ  และ รถ จยย. ยามาฮ่า อีก 1 คัน รวมถึงพระเครื่อง กระเป๋าเงิน ซึ่งเพิ่งได้มา 10,000 บาทจากลูกสาว รวมถึงของในร้านชำ ก็โดนขโมยไปจนหมดตู้แช่

 

นอกจากนี้ยังพบผู้ป่วยติดเตียง เป็นภรรยาผู้ตาย อายุ ประมาณ 70 ปี ซึ่งอยู่ข้างศพจมกองเลือด เจ้าหน้าที่ให้กู้ภัยเข้าไปให้การช่วยเหลือนำออกมาให้ลูกสาวพาไปอยู่บ้านอีกหลัง

 

จากการสอบถามนางพัทร์ธีรา  ลูกสาว ผู้มาพบศพคนแรก เล่าว่าเมื่อเวลา 07.30 น. ตนมาหาพ่อ ก็พบว่าบ้านถูกรื้อค้น และพบศพพ่อนอนตาย จึงรีบแจ้งตำรวจ ซึ่งตนอยู่คนละบ้านกับพ่อ พ่อจะอยู่กับแม่เลี้ยงที่ป่วยติดเตียง 2 คน ตนเพิ่งโทรคุยกับพ่อครั้งสุดท้าย ตอน 3 ทุ่มกว่า วันที่ 27 ส.ค.และพ่อเพิ่งไปเอาเงิน 10,000 บาทที่ตน ซึ่งเงินจำนวนนี้ก็หายไปด้วย

 

ส่วนเพื่อนบ้าน กล่าวว่า เมื่อวานเห็นผู้ตายไม่เปิดร้าน และ รถยนต์ไม่อยู่ ก็คิดว่าขับรถออกไปธุระ จนมารู้ตอนตำรวจมาตรวจสอบ ซึ่งเมื่อวันที่ 12 ส.ค.ที่ผ่านมา เพิ่งมีคนร้ายมาขโมยของ พร้อมเอากุญแจรถยนต์และทรัพย์สินไป ซึ่งมีการแจ้งความ และทางลูกสาว ได้ติดตั้งกล้องวงจรปิดเพิ่ม เพื่อความปลอดภัย แต่กลับมาเกิดเหตุร้ายจนโดนฆ่าตาย

 

ซึ่งคาดว่า คนร้ายอาจเป็นคนกลุ่มเดิมที่มาก่อเหตุอาจแค้นกลับมาลงมือฆ่า และ ชิงรถยนต์ รถ จยย. ไปก็เป็นได้ 

 

ล่าสุดชุดสืบสวนทราบตัวผู้ต้องสงสัย 2 ราย เป็นขี้ยาในพื้นที่ ชอบก่อเหตุอาละวาดลักเล็กขโมยน้อยและเคยมาลักของในบ้านที่เกิดเหตุจนทราบว่าที่บ้านดังกล่าวมีคนแก่อยู่กัน 2 คน จึงหวนมาก่อเหตุอีกครั้งและผู้ตายมาเจอจึงขัดขืนและถูกฆ่าตายดังกล่าว ส่วนเจ้าหน้าที่จะเร่งติดตามเส้นทางการหลบหนีและจะหาตัวคนร้านมาดำเนินคดีโดยเร็ว.

advertisement

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวทั่วไป เป็นกระแส