กรมศุลกากร ยกมือไหว้ขอโทษ เหตุเปิดประมูล “นาฬิกาปลอม”

10 ก.ค. 66

 

กรมศุลกากร ยกมือไหว้ขอโทษ เหตุเปิดประมูล “นาฬิกาปลอม” เรียกคืน 13 เรือน พบปลอม 4 เรือน จี้ปรับระเบียบใหม่ ดึงผู้เชี่ยวชาญช่วยตรวจสอบ 

วันที่ 10 ก.ค. 66 นาย พันธ์ทอง ลอยกุลนันท์ ที่ปรึกษาด้านการพัฒนาและบริหารการจัดเก็บภาษี ในฐานะโฆษก กรมศุลกากร แถลงถึงกรณีที่มีการนำเสนอข่าวเกี่ยวกับการประมูลนาฬิกาจาก กรมศุลกากร และภายหลังพบว่าเป็นนาฬิกาปลอมเครื่องหมายการค้าว่า 

กรมศุลกากรได้ตรวจสอบข้อมูลดังกล่าว มีข้อเท็จจริงดังนี้ เมื่อวันที่ 24 ก.ค. 65 เจ้าหน้าที่กรมศุลกากร เข้าตรวจค้นร้านขายนาฬิกาบริเวณศูนย์การค้าแห่งหนึ่ง พบนาฬิกามีเครื่องหมายการค้า จำนวน 14 รายการ จึงเชิญเจ้าของสิทธิ์มาตรวจสอบ พบว่า มีจำนวน 1 เรือน เป็นสินค้าปลอมเครื่องหมายการค้า และอีก 13 เรือน เป็นของที่ถูกต้องตามลิขสิทธิ์ ดังนั้น กรมศุลกากร จึงนำ 13 เรือน และได้ประกาศขายทอดตลาด ในวันที่ 28 มิ.ย. 66 โดยเปิดให้เข้าชมของกลาง วันที่ 5 ก.ค. 66 และเปิดซองการประมูล วันที่ 6 ก.ค. 66 มีผู้เข้าร่วมการประมูลทั้งสิ้น 18 ราย 

นาย พันธ์ทอง  กล่าวต่อว่า หลังจากได้รับข้อมูลจากผู้ประมูลว่า นาฬิกาที่มีการประมูลจาก กรมศุลกากรเป็นสินค้าปลอมเครื่องหมายการค้า กรมศุลกากรจึงรุดตรวจสอบทันที ซึ่งได้เชิญเจ้าของสิทธิ์มาหารืออีกครั้ง โดยเจ้าของสิทธิ์แจ้งว่า นาฬิกาทั้งหมดที่ได้ประมูล วันที่ 6 ก.ค. 66 เป็นสินค้าปลอมเครื่องหมายการค้า กรมศุลกากรจึงออกคำสั่งยกเลิกการประมูล และให้คืนเงินให้กับผู้เข้าร่วมประมูลทั้งหมด โดยในส่วนของกรมศุลกากรจะตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างเร่งด่วนต่อไป 

“กรมฯ ยอมรับผิดในส่วนนี้ และขอโทษสำหรับความผิดพลาดที่เกิดขึ้นอย่างจริงใจ ซึ่งตอนนี้กรมฯ ได้ยกเลิกการประมูลทั้ง 13 เรือนเรียบร้อย แม้จะยังไม่มีข้อมูลทางการยืนยันว่าเป็นของปลอมทั้งหมดกี่เรือน แต่เบื้องต้นมีการยืนยันมาแล้วว่าเป็นของปลอม 4 เรือน ซึ่งในส่วนนี้จะเร่งคืนเงินให้กับผู้เสียหายภายในวันนี้ (10 ก.ค.) ส่วนที่เหลือหลังจากนี้จะเร่งคืนเงินมัดจำให้ผู้ประมูลทั้งหมด” นายพันธ์ทอง กล่าว 

ส่วนกรณีที่ผู้เสียหายมีการเรียกร้องค่าชดเชยนั้น กรมศุลกากรยืนยันว่า ตามระเบียบราชการไม่ได้มีการกำหนดไว้ แต่กรมฯ ยินดีที่จะรับไปหารือในรายละเอียด รวมทั้งได้มีการตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง โดยจะต้องได้ข้อสรุปภายใน 15 วัน หากพบว่ามีเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องก็พร้อมที่จะส่งเรื่องให้กองปราบเข้ามาร่วมตรวจสอบ ยืนยันว่ากรมฯ ยินดีให้ตรวจสอบ เพราะเรื่องนี้ทำให้กรมฯ เสียภาพลักษณ์ 

นายพันธ์ทอง กล่าวต่อว่า เบื้องต้นได้หารือกับนาย พชร อนันตศิลป์ อธิบดีกรมศุลกากร เกี่ยวกับการปรับเปลี่ยนรูปแบบและกระบวนการประมูล เพื่อไม่ให้เกิดเรื่องในลักษณะนี้เกิดขึ้นอีกในอนาคต โดยอาจจะมีการดึงผู้ประมูลที่มีความเชี่ยวชาญเข้ามาตรวจสอบ รวมทั้งอาจลดเงื่อนไขในการนำของออกไปตรวจสอบที่จากเดิมจะต้องวางมัดจำ 25% ของราคาประมูลก่อน

advertisement

advertisement

ข่าวยอดนิยม

ข่าวทั่วไป เป็นกระแส