พร้อมไหม? "ไวรัสแลงยา” อาจมาระบาดแทนที่โควิด-19 ในอนาคตอันใกล้นี้

7 ก.ค. 66

พร้อมไหม? "ไวรัสแลงยา (Langya)” ไวรัสพันธุ์ใหม่ อาจมาระบาดแทนที่โควิด-19 ในอนาคตอันใกล้นี้

สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในปัจจุบนเริ่มซาลงไปแล้ว แต่ยังคงเป็นเรื่องช่วยย้ำเตือนให้เราต้องหมั่นเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่องอย่าประมาท เพราะการแพร่ระบาดของโรคอุบัติใหม่อาจกลับมาได้อีกครั้ง ล่าสุด ศูนย์จีโนมทางการแพทย์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล (Center for Medical Genomics) เผยผ่านเฟซบุ๊ก “Center for Medical Genomics” ระบุว่า "โลกพร้อมรับไวรัสตัวใหม่หลังโควิดหรือยัง?"

ไวรัสแลงยา (Langya)” หนึ่งในสมาชิกกลุ่มไวรัสเฮนิปา (henipavirus) ที่อาจมาแทนที่ไวรัสโควิด-19 ขณะที่ภัยคุกคามจากการระบาดใหญ่ของโควิด-19 ดูเหมือนกำลังจะกลายสภาพเป็นโรคประจำฤดูกาล และโรคประจำถิ่นตามลำดับ แต่กลับพบไวรัสกลุ่มใหม่ "เฮนิปา (henipavirus)" ที่มีลักษณะการระบาดคล้ายโควิด-19 เข้ามาแทนที่

เฮนิปาหกสายพันธุ์ที่พบคือ:

  •  ไวรัสเฮนดรา (HeV)
  • ไวรัสนิปาห์ (NiV)
  • ซีดาร์ไวรัส (CedV)
  • ไวรัสโม่เจียง (MojV)
  • ไวรัสกานา (GhV)
  • ไวรัสเอ็ม 74 (M74V)
ไวรัสตัวใหม่
ขอบคุณภาพจาก : Center for Medical Genomics

 

โดยในเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2565 ไวรัสแลงยา (Langya, LayV) สมาชิกล่าสุดของไวรัสเฮนิปาถูกตรวจพบในกลุ่มผู้ป่วยที่มีไข้ในภาคตะวันออกของจีน

ดร.เอเรียล ไอแซกส์ และ ดร.หยู ชาง โลว์ นักวิจัยจาก School of Chemistry and Molecular Biosciences แห่ง "มหาวิทยาลัยควีนส์แลนด์ " ประเทศออสเตรเลีย ได้ตีพิมพ์ผลงานวิจัยลงในวารสารวิชาการทางการแพทย์ “Nature Communications” ในเดือนนี้ (มิถุนายน 2566) ชี้ให้เห็นว่ามีความสุ่มเสี่ยงสูงมากที่เชื้อ “ไวรัสแลงยา” ในกลุ่มเฮนิปาที่ไม่ค่อยเป็นที่รู้จัก กำลังจะมีการแพร่ระบาดใหญ่ในมนุษย์

แม้ว่าขณะนี้ยังไม่พบการแพร่ระบาดระหว่างคนสู่คนก็ตาม แต่กลับพบการแพร่ระบาดจากสัตว์สู่คนของไวรัสแลงยา และกลุ่มสมาชิกถี่ขึ้นเป็นลำดับ และหากเกิดการกลายพันธุ์เพียงไม่กี่ตำแหน่งบนจีโนม ที่ส่งผลให้ส่วนหนามของไวรัสเข้าจับกับเซลล์มนุษย์ได้ดีขึ้น จะช่วยให้ไวรัสแลงยาสามารถก้าวข้ามจากสัตว์มาระบาดในหมู่คนได้

เช่นเดียวกับที่เกิดขึ้นกับไวรัสโคโรนา 2019 ในอดีต ศูนย์จีโนมทางการแพทย์ รพ. รามาธิบดีได้เตรียมพร้อมตรวจสอบรหัสพันธุกรรมอย่างรวดเร็ว (mass array genotyping) เพื่อตรวจจับไวรัสแลงยาดังกล่าวจากสิ่งส่งตรวจแล้ว

ไวรัสตัวใหม่
ขอบคุณภาพจาก : Center for Medical Genomics

 

องค์การอนามัยโลก และนักวิทยาศาสตร์ทั่วโลกคาดคะเนว่าภัยคุกคามโรคติดเชื้อที่จะระบาดไปทั่วโลก (Pandemic) กับมนุษยชาติครั้งต่อไป นอกเหนือจากไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่ หรือไวรัสไข้หวัดนกแล้ว อาจเป็นกลุ่มไวรัสเฮนนิปา อันประกอบไปด้วยไวรัส แลงยา (Langya),โม่เจียง (Mòjiāng),นิปาห์ (Nipah) และเฮนดรา (Hendra) ฯลฯ ซึ่งจัดอยู่ในตระกูล Paramyxoviridae

 

ไวรัสแลงยา เป็นเชื้อโรคไวรัสติดต่อจากสัตว์มาสู่คน พบครั้งแรกในชาวไร่จำนวน 35 คน ในมณฑลซานตงและเหอหนานของประเทศจีน ในปี 2565 

ไวรัสโม่เจียง ที่ถูกค้นพบในปี 2555 ในหนูในเหมือง Tongguan ในเมืองโม่เจียง ประเทศจีน คนงานเหมืองหกคนป่วยด้วยอาการคล้ายโควิด และสามคนเสียชีวิต ที่น่าแปลกคือพบไวรัสโคโรนาจากค้างคาวที่เกี่ยวข้องกับโควิด-19 อยู่ในเหมืองนั้นด้วย

ไวรัสนิปาห์ เกิดขึ้นในมาเลเซียและสิงคโปร์ในปี 2542 ส่งผลให้มีผู้ติดเชื้อเกือบ 300 รายและเสียชีวิตมากกว่า 100 ราย มีการบันทึกการระบาดเกือบทุกปีในบางส่วนของเอเชียตั้งแต่นั้นมา ส่วนใหญ่ในบังกลาเทศและอินเดีย

ไวรัสเฮนดรา พบการระบาดครั้งแรกในปี พ.ศ. 2537 ในเมืองเฮนดรา ชานเมืองบริสเบน ประเทศออสเตรเลีย ซึ่งมีม้า 13 ตัวและครูฝึกเสียชีวิต 1 คน

ไวรัสโม่เจียง เฮนดรา และ นิปาห์ ผู้ติดเชื้อจะมีอัตราการตายสูงกว่า 40-70% เป็นไวรัสที่สายจีโนมเป็น “อาร์เอ็นเอ” เมื่อติดเชื้อจะทำให้เกิดไข้และอาการระบบทางเดินหายใจอักเสบรุนแรง และอาจนำไปสู่โรคปอดบวมถึงแก่ชีวิตได้ เช่นเดียวกับโควิด-19

ไวรัสแลงยาพบมีการติดเชื้อในสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม เช่น มนุษย์ สุนัข แพะ และคาดว่าสัตว์รังโรคดั้งเดิมของมันคือสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมขนาดเล็กคล้ายหนู มีปากยาวแหลม(shrews) ยังไม่มีรายงานการเสียชีวิตเนื่องจากไวรัสแลงยาเป็นไวรัสอุบัติใหม่และยังไม่พบว่าไวรัสแลงยาสามารถแพร่เชื้อติดต่อจากคนสู่คน นักวิจัยเตือนว่าไม่ใช่ครั้งแรกที่ไวรัสแลงยาแพร่ระบาดมาสู่ผู้คน และมันจะไม่ใช่ครั้งสุดท้าย

ไวรัสตัวใหม่
ขอบคุณภาพจาก : Center for Medical Genomics

 

ไวรัสตัวนี้ค่อนข้างใหม่ (สำหรับมนุษย์) ที่อาจก่อให้เกิดภาวะฉุกเฉินด้านสุขภาพทั่วโลก และมีความคล้ายคลึงกันอย่างน่ากังวลเช่นเดียวกับไวรัสโคโรนาที่มีการระบาดในมนุษย์ไปทั่วโลก

ดร.เอเรียล ไอแซกส์ และทีมวิจัยได้ค้นพบโครงสร้างของโปรตีนบนหนามของไวรัสที่เรียกว่า “ฟิวชันโปรตีน”หน้าที่ของฟิวชันโปรตีนคือทำหน้าที่เสมือนเป็นสะพานนำพาไวรัสแลงยาเข้าสู่เซลล์ โดยหลอมรวมผนังหุ้มของไวรัสเข้ากับเยื่อหุ้มเซลล์ของผู้ติดเชื้อ ทำให้ไวรัสสามารถเข้าไปภายในเซลล์และเริ่มการแบ่งตัวภายในเซลล์ติดเชื้อได้ง

ไวรัส
ขอบคุณภาพจาก : Center for Medical Genomics

 

ทีมวิจัยได้ศึกษาโครงสร้างฟิวชันโปรตีนในระดับอะตอมโดยใช้กล้องจุลทรรศน์อิเล็กตรอนไครโอเจนิกของศูนย์จุลทรรศน์และการวิเคราะห์อนุภาคไวรัสของมหาวิทยาลัยควีนส์แลนด์ ประเทศออสเตรเลีย การเข้าใจโครงสร้างและวิธีการเข้าสู่เซลล์ของไวรัสแลงยาถือเป็นขั้นตอนสำคัญของการพัฒนาวัคซีนเพื่อป้องกันและยาต้านไวรัสเพื่อการรักษาต่อสู้กับการติดเชื้อไวรัสแลงยา ไวรัสโม่เจียง ไวรัสนิปาห์ และไวรัสเฮนดรา ในตระกูลของ Paramyxoviridae

“ขณะนี้ยังไม่มีการรักษาหรือวัคซีนสำหรับไวรัสกลุ่มนี้ และพวกมันมีศักยภาพสูงที่องค์การอนามัยโลกให้เฝ้าติดตามการระบาดในวงกว้าง”

ทีมวิจัย
ขอบคุณภาพจาก : Center for Medical Genomics

 

ศาสตราจารย์ แดเนียล วัตเตอร์สัน (Daniel Watterson) นักวิจัยอาวุโสในโครงการ กล่าวว่าพวกเขาพบว่าโครงสร้างฟิวชันโปรตีนในส่วนหนามของไวรัสแลงยา เหมือนกับไวรัสโม่เจียง และคล้ายคลึงกับไวรัสเฮนดราและไวรัสนิปาห์ แต่มีความแตกต่างกันในแง่ของแอนติเจนกับไวรัสเฮนดราและไวรัสนิปาห์ ทำให้วัคซีนที่พัฒนาต่อไวรัสแลงยาอาจไม่ครอบคลุมป้องกันการติดเชื้อไวรัสเฮนดรา และไวรัสนิปาห์ได้

“ไวรัสเหล่านี้สามารถก่อให้เกิดโรคร้ายแรงที่มีโอกาสที่จะควบคุมไม่ได้หากเราไม่เตรียมพร้อมอย่างเหมาะสม”

“เราได้เห็นว่าโลกไม่ได้เตรียมตัวอย่างไรสำหรับการระบาดของไวรัสโควิด-19 ดังนั้นเราต้องเตรียมพร้อมมากกว่านี้สำหรับการระบาดครั้งต่อไปของโรคอุบัติใหม่”

ในตอนนี้ทีมวิจัยเร่งศึกษาส่วนหนาม เพื่อนำข้อมูลไปใช้ในการพัฒนาวัคซีนที่สามารถใช้ฉีดป้องกันไวรัสสายพันธุ์ย่อยได้ทั้งหมด (broad-spectrum vaccine) รวมทั้งการพัฒนายาต้านไวรัสเพื่อการรักษาโรคติดเชื้อไวรัส แลงยา, โม่เจียง, นิปาห์, และเฮนดราของตระกูล Paramyxoviridae

 ข้อมูลจาก :  Center for Medical Genomics

 

advertisement

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวทั่วไป เป็นกระแส