หนุ่มฉุนหลานสาวเมียวัย 12 ปีแอบลักอาหารเสริม ใช้ไม้เบสบอลทุบหัวจนตาย ตอนแรกจะทำลายศพด้วยการหั่น เปลี่ยนใจยัดใส่ถังน้ำแข็งแล้วโบกปูนทับ
เมื่อเวลา 00.30 น. วันที่ 4 ก.ค. ร.ต.อ.ธนศักดิ์ พ้องเสียง รอง สว.(สอบสวน) สน.บางเขน รับแจ้งเหตุฆาตกรรม ภายในบ้านย่านถนนพหลโยธิน ซอย 48 แขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขน กทม.จึงรุดไปตรวจสอบพร้อม กำลังเจ้าหน้าที่สายตรวจ ตำรวจฝ่ายสืบสวน เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน แพทย์นิติเวช รพ.ภูมิพล และหน่วยกู้ภัยมูลนิธิร่วมกตัญญู
ที่เกิดเหตุมีลักษณะเป็นบ้านทาวเฮ้าส์ 2 ชั้น ประกอบกิจการรับจ้างแพ็กสินค้าใส่กล่องเพื่อส่งมอบให้บริษัทขนส่ง จากการตรวจสอบบริเวณครัวหลังบ้านชั้นล่าง พบถังพลาสติก ขนาด 200 ลิตร สีน้ำเงิน วางอยู่ใต้เคาน์เตอร์อ่างล้างจาน เมื่อนำถังดังกล่าวออกมาเปิดดูพบมีการถมด้วยดินอยู่ชั้นบนสุด และมีการโบกปูนทับในชั้นรองลงมา เมื่อควักดินและทุบทำลายปูนออก พบศพ ด.ญ.อริศสา อายุ 12 ปี หลานสาวเจ้าของบ้าน ถูกฆ่านำศพยัดถังในสภาพเปลือยกาย มีถุงขยะสีดำและผ้าขนหนูสีชมพูห่อหุ้มร่างเอาไว้ นอกจากนี้ยังบาดแผลถูกตีด้วยของแข็งตามใบหน้าและร่างกายหลายแห่ง แพทย์สันนิษฐานเสียชีวิตมาแล้วประมาณ 48 ชั่วโมง
จากการสอบสวน น.ส.อภิญญา อายุ 24 ปี ผู้แจ้งเหตุ ให้การว่า ด.ญ.อริศสา ผู้ตายเป็นบุตรสาวของญาติห่างๆ กับตน แต่ไม่ได้เรียนหนังสือ และไม่ได้พักอาศัยอยู่กับพ่อแม่ที่แท้จริง ตั้งแต่เล็กประมาณ 5 ขวบจนโตถึงปัจจุบันผู้ตายมี น.ส.นิรมล อายุ 30 ปี ลูกพี่ลูกน้องของตนและ นายยุทธนา หรือ "แจ๊บ" มาดี อายุ 29 ปี สามีของ น.ส.นิรมล เป็นผู้รับอุปการะในฐานะพ่อและแม่รับเลี้ยง แต่ที่ผ่านมาทราบว่า ด.ญ.อริศสา มีอุปนิสัยค่อนข้างก้าวร้าว และชอบลักขโมยข้าวของภายในบ้าน จน น.ส.นิรมล และ นายยุทธนา ต้องว่ากล่าวตักเตือนและทำโทษด้วยการตีอยู่หลายครั้ง แต่ยิ่งตี ด.ญ.อริศสา ก็ยิ่งต่อต้าน ทำให้พ่อและแม่ที่รับเลี้ยงเกิดความเครียดจนต้องนำเรื่องมาปรึกษาตน ซึ่งก็ไม่รู้จะแก้ปัญหาอย่างไร
กระทั่งเมื่อเวลา 19.00 น.วันที่ 3 ก.ค.ที่ผ่านมา น.ส.นิรมล และ นายยุทธนา พากันขับรถเก๋งเดินทางไปหาตน ที่บ้านพักย่านรามอินทรา ก่อนที่นายยุทธนาจะยอมรับสารภาพว่าใช้ไม้เบสบอลตี ด.ญ.อริศสา จนเสียชีวิตแล้วตั้งแต่ช่วงตี 1 ของวันที่ 2 ก.ค. สาเหตุเกิดจากจับได้ว่าผู้ตาย ขโมยอาหารเสริมซึ่งเป็นสินค้า ที่ต้องแพ็กนำส่งให้ลูกค้าไปรับประทาน โดยหลังจากที่พลั้งมือตีจนตาย นายยุทธนาได้วางแผนจะทำลายศพด้วยการหั่นแต่ไม่กล้า จากนั้นช่วงหัวค่ำวันเดียวกัน จึงไปซื้อถังพลาสติกขนาดใหญ่มาใส่ศพโบกปูนและถมดินทับ ก่อนที่จะตัดสินใจมารับสารภาพกับตน ให้ช่วยแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยหลังจากที่ตนแจ้งความแล้ว นายยุทธนาก็ได้เดินทางไปหาเพื่อนแถวแฟลตดินแดงแล้วไม่สามารถติดต่อได้อีกเลย ส่วน น.ส.นิรมล ผู้เป็นภรรยา ขณะนี้ฝ่ายสืบสวนนำตัวไปสอบปากคำเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
เบื้องต้นพนักงานสอบสวน ได้มอบร่างผู้ตาย ให้แพทย์นิติเวชนำไปผ่าชันสูตร อย่างละเอียดอีกครั้ง จากนั้นได้ประสานให้ฝ่ายสืบสวนติดตามตัวนายยุทธนา มาดำเนินคดี ส่วน น.ส.นิรมล นั้น ต้องรอผลสอบปากคำว่ามีส่วนรู้เห็นมากน้อยเพียงใด หากพบว่ามีพฤติกรรมร่วมกันกระทำความผิดก็จะแจ้งข้อหาดำเนินการในฐานะผู้ร่วมกันฆ่าฯ และร่วมกันซ่อนเร้นอำพรางศพ ด้วยต่อไป
นายแบงค์ เพื่อนผู้ก่อเหตุ เผยว่า เมื่อกลางดึกวันอาทิตย์ (ตีสามวันจันทร์) ผู้ก่อเหตุได้โทรมาขอยืมอุปกรณ์ประเภทเลื่อยและเครื่องตัด และถังน้ำแข็ง ผู้ก่อเหตุอ้างว่านำไปทำชั้นวางของตัวเองจึงให้ยืมเลื่อยกับกับเตรื่องตัดไป ก่อนผู้ก่อเหตุนำอุปกรณ์มาคืนบอกว่าไม่สามารถใช้ได้ จะติดต่อกลับมาภายหลังในช่วงตอนเวลาประมาณ 21.00 น. ของวันจันทร์ โดยสารภาพว่าได้ฆ่าเด็ก จนเสียชีวิต จึงได้ร่ำลากันก่อนหายตัวไป ช่วงแรกไม่เชื่อเพราะคิดว่าเพราะคิดว่าผู้ก่อเหตุมีอาการหลอนยาเสพติด เนื่องจากมีการใช้สารเสพติดอยู่บ่อยครั้ง ก่อนจะมาทราบในภายหลังว่าเกิดเหตุขึ้นจริง
ทั้งนี้แฟนของผู้ก่อเหตุยังเล่าให้ฟังอีกว่าขณะเกิดเหตุเด็กหญิงคนดังกล่าว ได้ได้แอบขโมยกินสินค้าออนไลน์ที่กำลังจะจัดส่ง ทำให้ผู้ก่อเหตุโมโหใช้ไม้เบสบอลกระหน่ำตีจนเด็กมีอาการชักเกร็งและตีซ้ำอีกทีจดแน่นิ่งไป จากนั้นผู้ก่อเหตุก็พยายามหาอุปกรณ์ถังน้ำแข็งและอุปกรณ์มาอำพรางศพ ซึ่งตัวของแฟนผู้ก่อเหตุได้เก็บเรื่องราวมาตลอด แล้วถูกสั่งให้ลบภาพจากกล้องวงจรปิด แต่เจ้าตัวไม่ลบพร้อมนำหลักฐานเข้าแจ้งความกับตำรวจในเวลาต่อมา
