พ่อแม่ร่ำไห้ ร้องขอให้ช่วยลูกสาวถูกสามีชาวจีนทุบตีกักขัง 3 ปี วีซ่าหมดอายุ ต้องจ่าย 1 แสน ดำเนินการนำตัวกลับไทย

1 มิ.ย. 66

พ่อแม่ร่ำไห้ ร้องขอให้ช่วยลูกสาวถูกสามีชาวจีนทุบตีกักขัง 3 ปี วีซ่าหมดอายุ ต้องจ่าย 1 แสน ดำเนินการนำตัวกลับไทย

วันที่ 1 มิถุนายน 2566 เวลา 10.30 น. ผู้สื่อข่าวเดินอมรินทร์ทีวี ออนไลน์ เดินทางไปพบนายแมน ดวงเนตร อายุ 52 ปี และนางมณี ดวงเนตร อายุ 55 ปี ที่ อ.หนองวัวซอ จ.อุดรธานี หลังได้รับการร้องเรียนเกี่ยวกับลูกสาว ซึ่งถูกทำร้ายร่างกายจากสามีต่างชาติที่ต่างประเทศ ขณะนี้ต้องการกลับประเทศไทย แต่ไร้ทุนทรัพย์ในการดำเนินการ

พ่อแม่ร่ำไห้ ร้องขอให้ช่วยลูกสาวถูกสามีชาวจีนทุบตีกักขัง 3 ปี วีซ่าหมดอายุ ต้องจ่าย 1 แสน ดำเนินการนำตัวกลับไทย

นายแมนและนางมณี ร่วมกันเล่าว่า น.ส.นงนุช ดวงเนตร อายุ 31 ปี แต่งงานและใช้ชีวิตอยู่กับสามีชาวจีนที่กรุงปักกิ่ง แต่โดนสามีทำร้ายร่างกาย และถูกกักขังภายในบ้านนาน 3 ปี ยึดโทรศัพท์ไม่ให้ติดต่อกับพ่อแม่ จนต้องไปร้องขอความช่วยเหลือจากกองคุ้มครองเด็กและสตรี ทราบว่าลูกสาวยังมีชีวิตอยู่ และลูกสาวตัดสินใจหนีออกมาขอความช่วยเหลือที่กงสุลไทยที่เซี่ยงไฮ้ และย้ายมาที่กงสุลใหญ่กรุงปักกิ่ง ไม่มีหนังสือเดินทาง ต้องใช้เงิน 1 แสนบาท ในการดำเนินการ แต่ลูกสาวและพ่อแม่ไม่มีเงิน จึงวอนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยส่งลูกสาวกลับเมืองไทย

พ่อแม่ร่ำไห้ ร้องขอให้ช่วยลูกสาวถูกสามีชาวจีนทุบตีกักขัง 3 ปี วีซ่าหมดอายุ ต้องจ่าย 1 แสน ดำเนินการนำตัวกลับไทย

ลูกสาวเคยแต่งงานกับสามีชาวไทย แต่ได้แยกทางกัน ลูกสาวจึงได้ไปทำงานนวดแผนไทยอยู่ที่พัทยา ต่อมาปี 2562 ได้มีเพื่อนชาวไทยแนะนำ นายเว่ย เลียง จิน อายุ 32 ปี หนุ่มชาวจีน ให้รู้จักกัน พอทั้งสองพบกันก็ดูท่าทางชอบพอกันทั้งสองฝ่าย กระทั่งเดือนสิงหาคมได้จัดพิธีแต่งงาน มีค่าสินสอด 1 แสนบาท ลูกสาวได้เดินทางไปอยู่บ้านสามีที่เมืองซิงไท่ กรุงปักกิ่ง แต่อยู่ได้แค่ 2 เดือน ลูกสาวโทรมาบอกว่า ถูกสามีใช้ความรุนแรงทำร้ายร่างกาย หนักเข้าลูกสาวได้หนีออกจากบ้าน ไปขอความช่วยเหลือจากเพื่อนชาวไทยให้พาไปแจ้งตำรวจ แต่ตำรวจกลับเรียกสามีมารับตัวกลับบ้าน และถูกสามีทำร้ายหนักกว่าเดิม ซ้ำยึดหนังสือเดินทาง พร้อมถูกกักขังและโดนทำร้ายร่างกาย ไม่ให้ติดต่อกับพ่อแม่นาน 3 ปี ในช่วงโควิด-19 ระบาด ช่วงปี 63-65 ที่ผ่านมา

พ่อแม่ร่ำไห้ ร้องขอให้ช่วยลูกสาวถูกสามีชาวจีนทุบตีกักขัง 3 ปี วีซ่าหมดอายุ ต้องจ่าย 1 แสน ดำเนินการนำตัวกลับไทย

พวกตนรู้สึกเป็นห่วงลูกสาวมาก จึงได้ทำหนังสือและไปขอความช่วยเหลือที่ติดต่อกระทรวงต่างประเทศ ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ดำเนินการส่งเจ้าหน้าที่ไปสอบถามหาลูก ซึ่งสามีก็ให้พบเจ้าหน้าที่ และซื้อโทรศัพท์มือถือให้ติดต่อกับพ่อแม่ ต่อมาลูกสาวได้หนีออกจากบ้านไปที่เมืองเซี่ยงไฮ้ โดยไม่มีพลาสปอร์ตติดตัวไป และติดต่อกับเพื่อนชาวไทย ให้พาไปส่งกงสุลไทยในเมืองเซี่ยงไฮ้  อาศัยอยู่ประมาณ 5-6 เดือน แต่ไม่ได้ดำเนินการส่งตัวกลับ พอวีซ่าหมดอายุ ก็ได้ส่งไปกงสุลใหญ่ที่กรุงปักกิ่ง ซึ่งเจ้าหน้าที่แจ้งว่าให้พ่อแม่ส่งเงินมาเป็นค่าปรับ ค่าดำเนินการส่งตัวกลับไทยเป็นเงิน 1 แสนบาท ไปให้เจ้าหน้าที่กงสุล ถ้าช้าจะส่งลูกสาวกลับไปหาสามี

“พวกตนเป็นคนจน ทำงานรับจ้างทั่วไป ไม่มีเงิน 1 แสน ส่งไปให้เจ้าหน้าที่ แต่ยายได้เอาเงินเบี้ยยังชีพคนชราที่เก็บสะสมไว้ 1 หมื่นบาท ให้ตนส่งไปให้เจ้าหน้าที่ก่อน เพราะเกรงว่าเจ้าหน้าที่จะส่งลูกสาวกลับไปบ้านสามี และจะถูกสามีทำร้ายร่างกายอีก จึงอยากวอนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยเหลือ ส่งลูกสาวกลับบ้านด้วย”

พ่อแม่ร่ำไห้ ร้องขอให้ช่วยลูกสาวถูกสามีชาวจีนทุบตีกักขัง 3 ปี วีซ่าหมดอายุ ต้องจ่าย 1 แสน ดำเนินการนำตัวกลับไทย

ต่อมา ผู้สื่อข่าวได้วีดีโอคอลกับ น.ส.นงนุช ซึ่งอาศัยอยู่ที่กงสุลใหญ่ประจำกรุงปักกิ่ง เล่าว่า หลังแต่งงานแล้วเดินทางมาอยู่ที่บ้านสามีชาวจีน ผ่านไป 2 เดือน สามีก็เปลี่ยนไป เริ่มใช้ความรุนแรง โดยใช้มือทำร้ายร่างกาย พอไปแจ้งตำรวจ เห็นว่าเป็นเรื่องสามีภรรยา ก็เรียกสามีมาไกล่เกลี่ย และให้กลับไปอยู่บ้านกับสามีอีก หลังจากนั้นก็ถูกกักขัง และไม่ให้ติดต่อกับพ่อแม่และเพื่อน และทำร้ายร่างกายโดยใช้สิ่งของที่อยู่ใกล้มือทุบตี ทั้งเก้าอี้ และอาวุธมีด ถูกยึดโทรศัพท์จึงไม่ได้ถ่ายภาพเอาไว้

 “พอวีซ่าหมดอายุก็ส่งตนมาที่กุงสุลใหญ่กรุงปักกิ่ง ซึ่งอยู่ใกล้กับบ้านสามี เจ้าหน้าที่แจ้งว่าต้องเสียค่าดำเนินการส่งตนกลับเมืองไทยประมาณ 1 แสนบาท พวกตนเป็นคนจน ไม่รู้จะเอาเงิน 1 แสนบาทมาจากไหน วอนหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้อง ช่วยเหลือส่งกับประเทศไทย เมื่อถึงบ้านแล้วจะไปทำงานหาเงินผ่อนส่งให้”

advertisement

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวทั่วไป เป็นกระแส