ย้อนคดีก่อนหน้าน้องอ้อมเซลส์ขายรถ "ไอ้ณัฐ" มอบตัวคดีข่มขืนอีกพื้นที่ ตร.นัดมาใหม่เพราะติดวันหยุดสงกรานต์ ถัดมาไม่กี่วันก่อเหตุซ้ำ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงวานนี้ (1 พ.ค.66) ที่ สภ.สันทราย จ.เชียงใหม่ พล.ต.ต.วีรชน บุญทวี รองผบช.ภ.5 ได้เดินทางมาประชุมร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนสอบสวนคดีการฆาตกรรม นางสาวเด่นนภา หรือ น้องอ้อม อายุ 36 อย่างโหดเหี้ยม
โดย รอง ผบช.ภ.5 ได้เรียกประชุมชุดทำงานเช่น สภ.แม่โจ้ สภ.สันทราย สภ.แม่ปิงสภ.ดอยสะเก็ด และพิสูจน์หลักฐานเชียงใหม่มีการประชุมกันนานถึง 3 ชั่วโมงจากนั้น พล.ต.ต.วีรชนฯ จึงได้ให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชน โดยเผยว่า
จากการสอบสวนผู้ต้องหาเบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อโดยผู้ต้องหาได้อ้างว่าก่อนเกิดเหตุได้ทำทีติดต่อมาที่เซลส์คนดังกล่าวเพื่อขอซื้อรถ ในวันเกิดเหตุก็ได้มีการเตรียมสถานที่ที่ใช้ก่อเหตุเอาไว้คือ โรงแรมในเขต สภ.แม่โจ้ พบวัสดุอุปกรณ์ต่างๆ เช่นเชือกและสายเคเบิ้ลไทร์ที่ใช้พันธนาการผู้ตาย
จากนั้นก็ได้ไปหาผู้ตายแล้วหลอกให้ผู้ตายขึ้นรถ อ้างว่าจะพาไปกดเงินเป็นค่ามัดจำรถ ผู้เสียหายจึงหลงเชื่อ หลังจากที่ผู้เสียหายขึ้นรถได้คาดว่าจะถูกเอามีดจี้และใช้เป็นพันธนาการแล้วพาออกไปยังจุดที่เตรียมไว้ ซึ่งผู้ต้องหารับสารภาพทั้งหมด
ส่วนที่ต้องลงมือฆ่าได้อ้างว่าหลังจากที่ล่วงละเมิดผู้เสียหายเสร็จ ผู้เสียหายก็โวยวายจะกลับบ้านแต่ผู้ต้องหาไม่ยอมให้กลับจึงใช้ของแข็งทุบเข้าไปที่ศีรษะและใช้เชือกรัดคอจนหมดสติไป
ส่วนการแจ้งข้อหาได้แจ้งข้อหา "ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา","หน่วงเหนี่ยวกักขัง","พาไปเพื่อการอนาจารโดยใช้กำลังประทุษร้าย","เคลื่อนย้ายและซ่อนเร้นอำพรางศพ" ส่วนเพื่อนสาวของผู้ต้องหาจากการสอบสวนพยานและการสืบสวนตอนนี้ยังไม่พบว่ามีส่วนรู้เห็นหรือช่วยเหลือแต่หากพบว่ามีส่วนเกี่ยวข้องก็จะถูกดำเนินคดี
อย่างไรก็ตามในส่วนคดีที่ผู้ต้องหาเคยก่อเหตุใช้มีดจี้และข่มขืนกระทำชำเราเด็กหญิงวัย 18 นั้น ทาง พ.ต.อ.ดำเนิน กันอ่อง รองผบก.ภ.จว.เชียงใหม่ เผยว่าหลังจากผู้เสียหายเข้ามาแจ้งความก็มีการสืบสวนในทันที จนทราบว่าผู้ต้องหาเป็นใคร จึงได้ติดต่อไปยังผู้ต้องหา
ผู้ต้องหาก็ได้เดินทางมามอบตัวในวันที่ 17 เมษายน ซึ่งเป็นวันหยุดชดเชย ซึ่งทางพนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อหาตามขั้นตอน แต่ผู้ต้องหาได้ให้การปฎิเสธ พนักงานสอบสวนจึงได้แจ้งข้อหาแล้วนัดมาพบ ซึ่งในคดีนี้ พนักงานสอบสวนไม่ได้ปล่อยตัว แต่ในคดีนี้ผู้ต้องหาได้มามอบตัว จึงไม่มีเหตุที่จะต้องควบคุมตัวหรือจับกุม
