ฮีทสโตรกคร่าชีวิต! หนุ่มใหญ่วัย 50 ปี นอนตายอืดในบ้านพัก 3 วัน

28 เม.ย. 66

ฮีทสโตรกคร่าชีวิต! หนุ่มใหญ่นักดื่มวัย 50 ปี นอนตายอืดในบ้านพักไม่มีใครเห็นนาน 3 วัน

วันที่ 27 เมษายน 2566 เวลา 19.30 น. พ.ต.ท.พีระ ราศรี สว. สอบสวน  สภ.เมืองอุดรธานี ได้รับแจ้งว่ามีชายนักดื่ม อายุ 50 ปี นอนเสียชีวิตอยู่บนเตียงนอนภายในบ้านเลขที่ 632 ซ.ทาอ่อน ม.17 บ.หนองใส ต.หนองนาคำ คาดสาเหตุจากอากาศร้อนระอุทะลุ 40 องศาเซลเซียส ติดต่อกันมาหลายสัปดาห์ จึงพร้อมด้วยแพทย์เวร รพ.ศูนย์อุดรธานี อาสากู้ภัยมูลนิธิอุดรสว่างเมธธรรมสถาน รุดไปตรวจสอบ

บ้านที่เกิดเหตุเป็นบ้านปูนชั้นเดียว มีรั้วรอบขอบชิด ปลูกสร้างอยู่ในเนื้อที่ราว 2 งาน พบญาติพี่น้องผู้ตายและชาวบ้านที่ทราบข่าว พากันมายืนดูเหตุกาณ์ที่หน้าประตูรั้วบ้านจำนวนมาก พบศพนายไพจิตร สงวนนามสกุล หรืออี๊ด อายุ 50 ปี เจ้าของบ้าน นอนอยู่ภายในห้องนอน ในลักษณะนอนหงายและขึ้นอืดบนเตียงนอนมาประมาณ 3 วัน ทำให้ส่งกลิ่นเหม็นตลบอบอวนไปทั่วบริเวณ อาสากู้ภัยต้องจุดธูปเพื่อดับกลิ่นจำนวนหลายห่อ 

ภายในห้องนอนพบพัดลมตั้งพื้นและเพดานยังเปิดทำงานอยู่ สภาพศพสวมเสื้อยืดแขนสั้นสีเขียว กางเกงชั้นในลายสก็อต ตรวจสอบรอบบริเวณห้องและตามร่างกาย ไม่พบร่องรอยการต่อสู้และถูกทำร้าย ในเบื้องต้นตำรวจและแพทย์เวร สันนิษฐานว่าเสียชีวิตจากหัวใจล้มเหลว และจากสภาวะอากาศร้อนจัด ทำให้ร่างกายขาดน้ำจนเกิดอาการฮีทสโตรก เพราะผู้ตายเป็นคนชอบดื่มเหล้าขาว จนทำให้ร่างกายไม่แข็งแรง ญาติไม่ติดใจในสาเหตุการเสียชีวิต แต่ทางตำรวจและแพทย์เวร ต้องให้มูลนิธิฯนำศพไปตรวจสอบอย่างละเอียดที่โรงพยาบาล เพื่อสรุปและหาสาเหตุการเสียชีวิตที่แท้จริง

นางนวลศรี สงวนนามสกุล อายุ 74 ปี ป้าผู้ตายเล่าว่า หลานชายเป็นคนชอบดื่มเหล้าขาว และรักผู้ตายเหมือนลูกชายแท้ๆ เพราะเคยเลี้ยงดูมาตั้งแต่ยังเล็ก ก่อนเกิดเหตุมีชาวบ้านไปบอกตนที่บ้านว่า ไม่เห็นผู้ตายออกจากบ้านมาหลายวัน และที่บ้านเปิดไฟทิ้งไว้ทั้งกลางวันกลางคืนมาหลายวันแล้ว และวันนี้ได้กลิ่นเหม็นเน่าโชยออกมา คาดว่าหลานชายเสียชีวิตอยู่ในบ้าน รู้สึกตกใจมาก จึงมาดูก็พบว่าหลานชายนอนเสียชีวิตอยู่ภายในห้องนอน 

“ก่อนหลานชายเสียชีวิต ช่วงอากาศร้อนระอุติดต่อกันมาหลายสัปดาห์ หลานชายบ่นว่าอากาศร้อนมาก ขนาดเปิดพัดลมยังนอนไม่หลับ ต้องอาบน้ำคืนละ 3 ครั้ง ถึงจะนอนหลับได้ บางวันผู้ตายจะไปกินข้าวที่บ้านตนทั้งเช้าและเย็น บางวันก็ไปกินที่วัดบ้านดอนภู่ ที่อยู่ห่างจาบ้านประมาณ 2 กิโลเมตร เพราะพี่ชายของเขาเป็นเจ้าอาวาสวัด แต่ 3 วัน ที่ผ่านมา ไม่เห็นหลานชายมากินข้าวเย็นที่บ้าน ก็คิดว่าคงไปกินที่วัด ก่อนมีชาวบ้านไปบอกว่านอนเสียชีวิตในบ้านมาหลายวันแล้ว จึงออกมาดูและรู้สึกเสียใจมาก”

นายนเรศ สงวนนามสกุล อายุ 55 ปี พี่ชายผู้ตายเล่าว่า  น้องชายเคยทำงานเป็นช่างเครื่องยนต์ อยู่ที่บริษัทขายรถบรรทุกยี่ห้อหนึ่งในตัวเมืองอุดรธานี และอยู่บ้านหลังนี้คนเดียว หลังจากแยกทางกับภรรยามาประมาณ 10 ปี มีลูกสาว 1 คน อายุ 17 ปี ที่ไปอยู่กับแม่ที่ ต.สามพร้าว อ.เมืองอุดรธานี ทำให้ผิดหวังที่ชีวิตครอบครัวล้มเหลว น้องชายจึงหันมาพึ่งเหล้าขาวและติดงอมแงม จนร่างกายทรุดโทรมไม่แข็งแรงหมือนก่อน

เมื่อ 2-3 ปีที่ผ่านมา นายจ้างได้ให้พักงาน เพราะติดเหล้าทำงานไม่ได้ ให้เลิกเหล้าได้ก่อนจึงจะรับเข้าทำงานต่อ แต่ก็ไม่สามารถเลิกเหล้าได้ ญาติพี่น้องเคยจะพาไปเลิกเหล้าที่โรงพยาบาล แต่น้องชายก็ไม่ยอมไป และบอกว่าการเลิกเหล้ามันอยู่ที่จิตใจ”

ส่วนนางเกตศรี อายุ 53 ปี พี่สาวผู้ตาย ได้จุดธูปบอกดวงวิญญาณน้องชายทั้งน้ำตาว่า ให้ไปอยู่กับพี่ชายอีกคนที่บวชเป็นพระเจ้าอาวาสที่วัดบ้านดอนภู่ และให้ไปสู่สุขติ เพราะหมดเวรหมดกรรมแล้วในชาตินี้ เพราะรักเขามาก เนื่องจากเป็นน้องคนสุดท้องจากพี่น้องทั้งหมด 7 คน ส่วนสาเหตุการเสียชีวิตน้องชาย คาดว่ามาจากพิษสุราเรื้อรัง บวกกับอากาศในช่วงนี้ร้อนมาก ทำให้เป็นฮีทสโตรกนอนเสียชีวิตไม่มีใครพบเห็น เคยห้ามเรื่องดื่มเหล้าก็ไม่ยอมฟัง และว่าตนไปบ่นและไม่ค่อยอยากมาหาตน เพราะกลัวตนบ่นด่า แต่ตนก็ให้เงินน้องใช้เป็นประจำครั้งละ 20 บาท เพราะสงสาร ไม่ให้มากเพราะกลัวน้องไปซื้อเหล้ากิน

ก่อนทราบข่าวว่าน้องชายเสียชีวิต วันนี้มีลางสังหรณ์ หางตาขวา และต้นแขนขวากระตุกทั้งวัน และหากตนมีอาการแบบนี้ทุกครั้งส่วนมากจะได้ร้องไห้ หรือเสียน้ำตา ในใจก็คิดอยู่ว่าต้องเป็นลางร้าย หรือลางบอกเหตุจะมีเรื่องไม่ดี และจะฌาปนกิจศพน้องชายที่วัดบ้านดอนภู่ ที่พี่ชายเขาเป็นพระเจ้าอาวาส ในวันพรุ่งนี้”

 

advertisement

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวทั่วไป เป็นกระแส