“สุวัจน์” โหมโรงชาติพัฒนากล้าปราศรัยใหญ่โคราช ลั่นพร้อมสู้ตายคาบ้าน

“สุวัจน์” โหมโรงชาติพัฒนากล้าปราศรัยใหญ่โคราช ลั่นพร้อมสู้ตายคาบ้าน ยังไม่มีพรรคมาทาบทามให้ร่วมจัดตั้งรัฐบาล

เมื่อวันที่ 19 เมษายน 2566 ณ อาคารเอนกประสงค์ เทศบาลตำบลกุดจิก อ.สูงเนิน จ.นครราชสีมา พรรคชาติพัฒนากล้าได้เปิดเวทีปราศรัยใหญ่เป็นครั้งแรกในพื้นที่ จ.นครราชสีมา นำโดยนายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานพรรคชาติพัฒนากล้า และแกนนำพรรคฯ อาทิ นายเทวัญ ลิปตพัลลภ เลขาธิการพรรคฯ ผู้สมัคร ส.ส. เขต 1 โคราช นายวัชรพล โตมรศักดิ์ รองหัวหน้าพรรคฯ ผู้สมัคร ส.ส. เขต 2 โคราช และผู้สมัคร ส.ส. เขต ในพื้นที่ จ.นครราชสีมา ทั้ง 16 เขต ท่ามกลางประชาชนที่มาฟังการปราศรัยครั้งนี้กว่า 2,000 คน

นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานพรรคชาติพัฒนากล้า กล่าวถึงการแข่งขันในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา โดยจังหวัดนครราชสีมาเป็นหนึ่งในพื้นที่เป้าหมายของหลายพรรคการเมือง ทำให้มีการแข่งขันที่เข้มข้น ซึ่งหากเปรียบเป็นการแข่งขันกีฬาก็ถือว่าสนุกสูสี และยืนยันว่าไม่หนักใจต่อการแข่งขัน เพราะเหมือนเป็นการแข่งขันฟุตบอลในบ้านตัวเอง พร้อมสู้เต็มที่ พร้อมสู้ตายคาบ้าน

สำหรับการปราศรัยคราวนี้ ทางพรรคฯต้องการบอกเล่าให้ประชาชนรู้ว่า เศรษฐกิจยุคทอง กับเศรษฐกิจยุคไม่ทองที่มีความทุกข์เป็นอย่างไร โดยพรรคชาติพัฒนากล้า จะทำให้เป็นเศรษฐกิจยุคทอง เพราะมีนโยบายเฉพาะคนโคราชจริง ๆ

สำหรับการเปลี่ยนแปลงกติกาบัตรเลือกตั้งของสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ให้มี 2 สี 2 ใบ นายสุวัจน์ฯ ระบุว่า ถือว่าเป็นของใหม่ที่ต่างจากครั้งที่แล้ว ทำให้เกิดความกังวลในหลายเรื่อง ทั้งเรื่องสี เบอร์พรรค และเบอร์ของผู้สมัครก็ไม่ซ้ำกัน ซึ่งขณะนี้ประเทศไทยเข้าสู่ช่วงสังคมผู้สูงอายุมากขึ้น ตนมองว่า กกต. ควรจะทุ่มเทวางแผนในการประชาสัมพันธ์ไม่ให้เกิดความสับสน ไม่เช่นนั้นจะส่งผลให้เกิดบัตรเสียเยอะ และจะทำให้เกิดการเลือกตั้งผิดเจตนารมณ์ จึงมองว่าวิธีที่ดีที่สุดคือการประชาสัมพันธ์ให้มาก ซึ่งทางพรรคชาติพัฒนากล้าก็ช่วยประชาสัมพันธ์อย่างเต็มที่ ในทุกครั้งที่ขึ้นเวทีปราศรัย

ทั้งนี้ ขณะนี้ใกล้เข้าสู่การเลือกตั้งแล้ว นายสุวัจน์ฯ พูดถึงการทาบทามในการร่วมจัดตั้งรัฐบาล ว่ายังไม่มีพรรคใดมาพูดคุย ตอนนี้ขอทำตัวเราให้ดีที่สุด และยังไม่อยากเป็นขั้วการเมืองกับใคร เพราะอาจจะนำไปสู่ความขัดแย้งกัน ส่วนการตัดสินใจทางการเมืองขอยึดผลการเลือกตั้งเป็นหลัก เพราะต้องให้เกียรติพี่น้องประชาชน หากประชาชนตัดสินใจอย่างไร เราก็จะดูว่าพรรคไหนได้เป็นลำดับที่หนึ่ง เพราะการเมืองจะต้องมีความชอบธรรม และมีเสถียรภาพด้วย นายสุวัจน์ฯ กล่าว