ชาวบ้าน งง! ตั้งด่านกลางป่า จับเป่าแอลกอฮอล์ ตร.ยันทำได้ เข้มงวด 7 วันอันตราย

19 เม.ย. 66

ชาวบ้าน งง! ตำรวจตั้งด่านกลางป่า จับเป่าแอลกอฮอล์ ล่าสุด ตำรวจพื้นที่รับผิดชอบ แจงแล้ว ชี้! เป็นช่วง 7 วันอันตราย สามารถทำได้เพื่อปราบปราม

สืบเนื่องจากกรณีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งโฑสต์ภาพพร้อมระบุข้อความว่า “ไม่มีอะไรน่าเกลียดไปกว่านี้อีกแล้วครับ จับตาสีตาสาหาปลาเลี้ยงวัว จับเป่าแอลกอฮอล์ในป่า กลับจากหาปลาเลี้ยงวัว” และหลังจากนั้นอีกหนึ่งวันก็ยังได้โพสต์ภาพพร้อมระบุข้อความว่า “วันนี้พาตาสีตาสาหาปลาเลี้ยงวัว ไปเสียค่าปรับที่ศาลมาแล้วครับ ข้อหาคือเมาแล้วขับ ไม่มีใบอนุญาต ขับขี่ เสียค่าปรับกันไปแบบจุกๆ ครับผม” หลังจากที่โพสต์ดังกล่าวได้ถูกเผยแพร่ออกไป ก็ได้มีผู้คนเข้ามาแชร์เป็นจำนวนมาก รวมถึงเข้าไปแสดงความคิดเห็นเป็นจำนวนมากเช่นกัน

ด่านเป่าแอลกอฮอล์

ด่านกลางป่า สภ.ดม

ผู้สื่อข่าวสอบถามไปยังเจ้าของโพสต์ให้ข้อมูลเพิ่มว่าภาพที่เกิดเหตุนั้นอยู่ในเขตพื้นที่ป่าสงวนทางเข้าเขื่อนขนาดมอญ ต.ตาตุม อ.สังขะ จ.สุรินทร์ และอยู่บริเวณชายแดนรอยต่อของประเทศไทย - กัมพูชา ซึ่งเป็นเขตพื้นที่รับผิดชอบของ สภ.ดม

จากการสอบถาม นาย ป. อายุ 60 ปี เล่าว่า วันนั้นตนขี่รถไปเลี้ยงวัว ผ่านป่าสงวนเส้นนี้มา 40 กว่าปี เพิ่งโดนตำรวจจับครั้งแรก ไม่คิดว่าตำรวจจะมาตั้งด่านตรงจุดเส้น ซึ่งเป็นทางเข้าป่า เส้นทางที่ต้องใช้ไปทำมาหากิน

ด่านกลางป่า

วันนั้นตนผ่านมาเส้นนี้เวลาประมาณ 13.00 น. เพื่อไปเลี้ยงวัวที่เขื่อนบน แต่ตอนนั้นมีหลานมาหาพอดี และนำเหล้าขาวมาให้ดื่ม 2 เป๊ก ตนไม่ได้รู้สึกเมาหรือผิดปกติแต่อย่างไร หลังจากนั้นตนก็ได้ขี่รถลงมาเพื่อนำไฟฉายมาชาร์จแบต จู่ๆ ก็มีตำรวจนอกเครื่องแบบเรียกตน ขึ้นคล่อมบนรถ แล้วให้ตนเป่าตนแอลกอฮอล์

ด่านกลางป่า เป่าแอลกอฮอล์

ตนก็เป่าจนสุดแรงถึง 3 ครั้งก็ไม่ขึ้น แต่ตำรวจกล่าวหาว่าตนไม่เป่า ตนบอกเป่าจนสุดแรงทั้ง 3 รอบ จนเหนื่อย แอลกอฮอล์ก็ไม่ขึ้น จากนั้นตำรวจเลยล็อกตน และบอกตนว่าไปๆ ไปที่โรงพัก ยกรถตนขึ้นรถ ตนขอร้องทางตำรวจแล้วแต่ก็ไม่สำเร็จ พอไปถึง สภ.ดม ตำรวจก็สั่งให้เป่าอีก ตนก็เป่าแบบเดิมสุดแรง แต่ครั้งนี้ตำรวจไม่ได้บอกหรือแจ้งอะไรกับตนเลยว่าเป่าขึ้นกี่ขีด หลังจากนั้นก็ยื่นใบบันทึกการจับกุมว่ามี ปริมาณแอลกอฮอล์ 41.47 %  และตนก็ได้เสียค่าปรับที่ สภ.ดม

ด้าน นาย ส. อายุ 39 ปี (ผู้โพสต์) เล่าว่า ตนขายของที่เขื่อนขนาดมอญ หลังทราบข่าวว่าพ่อถูกจับข้อหาเมาแล้วขับ  ตนจึงถ่ายภาพ และโพสต์ออกไปทางเฟซบุ๊กเพื่อร้องหาความเป็นธรรมให้ทั้ง 3 ท่าน ตนติดใจประเด็นว่า ตำรวจทำไมมาตั้งด่านในเขตป่าสงวนซึ่งไม่ใช่เส้นทางหลัก เป็นเขตป่าลงเขื่อนห้วยขนาดมอญ และเนินสี่ร้อย

ส่วนใหญ่ชาวบ้านต่างใช้เส้นทางนี้ไปหาของป่า ไปเลี้ยงวัว หาปลามาตั้งนานแล้ว  อยู่ๆ มาตั้งด่าน เหมือนด่านลอย แถมยังมีตำรวจนอกเครื่องแบบ ไม่มีการตั้งกรวย หรือสัญลักษณ์ว่าตั้งด่าน ที่สำคัญเป็นเลือกปฏิบัติ หรือไม่ เลือกจับแต่คนแก่ คนทำมาหากิน แต่ตรงข้ามกับวัยรุ่น ซ้อนรถ 3-4 คน / คัน เมา ไม่สวมหมวกนิรภัย ไม่เห็นตำรวจให้เป่า ไม่เห็นจับ แบบนี้เป็นการเลือกปฏิบัติหรือไม่ ตนรู้สึกไม่พอใจอย่างยิ่งที่ตำรวจมาตั้งด่านในป่าสงวน เมื่อทราบข่าวว่าพ่อโดนจับ ตนก็รีบมาแต่ไม่ทัน ตำรวจได้นำพ่อไปที่ สภ.ดม แล้ว

นาย ส. ยังเล่าว่า หลังจากวันที่ถูกจับ ตนก็ได้ประสานทางนายก อบต. ตาตุม ให้มาช่วยประกันตัวพ่อ และวันต่อมา ตนก็ได้พาพ่อ และลุงไปเสียค่าปรับที่ศาล โดยพ่อซึ่งเป็นคนมาเลี้ยงวัวโดนปรับไป 5,400 บาท และลุงคนหาปลาโดนปรับไป 9,400 บาท

จากนั้นผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่ สภ.ดม เพื่อขอสอบถามข้อมูล โดย พ.ต.อ. ยุทธนา จาตุรัตน์ (ผกก.สภ.ดม) ชี้แจงต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า "ในช่วงนั้นเป็นช่วง 7 วันอันตราย สามารถทำได้เพื่อปราบปราม โดยจัดชุดเคลื่อนที่เร็ว เข้าไปยังพื้นที่ จุดเส้นทางหน้า ตชด. ทางเข้าเขื่อนห้วยขนาดมอญเพื่อตั้งด่านจับคนเมาแล้วขับ และได้ทำถูกต้องเพื่อเป็นการป้องกันอันตรายจากผู้ขับขี่ และในช่วงเทศกาลสงกรานต์ กลัววัยรุ่นมาสร้างความเดือดร้อน ยกพวกตีกันที่เขื่อนห้วยขนาดมอญ ตนจึงได้จัดกำลังมาตั้งด่านดังกล่าว"

พ.ต.อ. ยุทธนา จาตุรัตน์ ผกก.สภ.ดม

 

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวที่ได้รับความสนใจ