โครงการ “ช้อปดีมีคืน” ปี 2566 หมดเขตวันนี้ (15 ก.พ.) สามารถใช้สิทธิ์หักลดหย่อนค่าซื้อสินค้าหรือค่าบริการได้สูงสุด 4 หมื่นบาท
นายวินิจ วิเศษสุวรรณภูมิ รองอธิบดีกรมสรรพากรในฐานะโฆษกกรมสรรพากร กล่าวว่า ตามที่กรมสรรพากรได้ออกมาตรการภาษี “ช้อปดีมีคืน” ปี 2566 ซึ่งผู้มีเงินได้ซึ่งมีหน้าที่เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา สามารถใช้สิทธิ์หักลดหย่อนค่าซื้อสินค้าหรือค่าบริการเท่าที่ได้จ่ายเป็นค่าซื้อสินค้าหรือค่าบริการสำหรับการซื้อสินค้าหรือการรับบริการในราชอาณาจักร ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2566 ถึงวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2566 ตามจำนวนที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 40,000 บาท
โดยผู้ยื่นภาษีสามารถใช้หลักฐานการชำระเงินค่าซื้อสินค้าหรือบริการเป็นใบกำกับภาษีเต็มรูปผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Tax Invoice & e-Receipt) ของกรมสรรพากร ได้ทั้งจำนวน หรือใช้ใบกำกับภาษีเต็มรูปในรูปแบบกระดาษ ร่วมกับใบกำกับภาษีเต็มรูปผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งมีการแบ่งเป็น 2 ส่วนคือ
1. ใบกำกับภาษีสำหรับซื้อสินค้าและบริการจากร้านค้าทั่วไปไม่เกิน 30,000 บาท (ต้องขอใบกำกับภาษีเป็นกระดาษ)
2. ใบกำกับภาษีสำหรับสำหรับซื้อสินค้าผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ ที่มีใบกำกับภาษีผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ 10,000 บาท รวมถึง e-Tax Invoice by Email ที่ออกตามหลักเกณฑ์วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดีกรมสรรพากรประกาศกำหนด
ทั้งนี้ ถึงแม้จะใช้จ่ายเต็ม 40,000 บาท การจะได้คืนภาษีมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับฐานภาษีของประชาชนที่ใช้จ่ายด้วย กรณีฐานภาษีสูงวงเงินภาษีที่ได้คืนก็มากขึ้น เช่น หากฐานภาษีเงินได้อยู่ที่ 10% ก็ได้ภาษีคืน 4,000 บาท แต่หากฐานภาษี 35% ได้วงเงินลดหย่อน 14,000 บาท เป็นต้น
โฆษกกรมสรรพากร กล่าวเพิ่มเติมว่า ในกรณีที่ผู้เสียภาษีที่ไม่ได้รับความสะดวกจากการขอให้ผู้ขายสินค้าหรือบริการออกใบกำกับภาษี เช่น ปฏิเสธไม่ยอมออกใบกำกับภาษี บวกราคาเพิ่ม เมื่อขอใบกำกับภาษี หรือพฤติกรรมอื่นใดที่เข้าข่ายหลีกเลี่ยงภาษีมูลค่าเพิ่ม ท่านสามารถแจ้งกรมสรรพากร ผ่านระบบแจ้งเบาะแสหลีกเลี่ยงภาษี www.rd.go.th ได้ตลอดเวลา