จากกรณีวันที่ 24 ม.ค. 66 มีสมาชิกติ๊กต็อกรายหนึ่ง โพสต์คลิปขณะเข้ามาที่บ้านของตัวเองที่เพิ่งซื้อมือสองมา แต่กลับพบว่าที่ประตูรั้วบ้านมีแม่กุญแจคล้องอยู่ ทั้งด้านนอกและด้านในประตูรั้ว แถมยังมีป้ายบริษัทมาติดไว้ รวมทั้งตู้แดงของตำรวจด้วย ทั้งที่เพิ่งซื้อมาอย่างถูกต้อง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง หนุ่มงงซื้อบ้านมือ 2 เจ้าของเก่าล็อกรั้วแจ้งจับ แฉซุกบัญชี 20 ล้านโยง พ.ต.ท. (คลิป)
โดยบอกว่า “ซื้อบ้านแล้วเข้าบ้านไม่ได้ เจ้าของเก่าเอากุญแจมาล็อก ให้ตำรวจเอากล่องแดงมาติด บ้านไม่ใช่ชื่อเขาแล้ว เอาอะไรมาติดมั่วไปหมด ซึ่งบ้านอยู่ที่ซอยเพชรเกษม 81 ย่านหนองแขม บ้านก็ไม่ใช่ชื่อเขา เอากุญแจมาล็อกซะงั้น เอาป้ายบริษัทอะไรมาติดเต็มไปหมด”
หลังโพสต์ปรากฎว่า มีคนเข้ามาแสดงความคิดเห็นจำนวนมาก ซึ่งผู้โพสต์ได้คอมเมนต์อธิบายว่าบ้านหลังดังกล่าวซื้อมาอย่างถูกต้องผ่านทางธนาคารแห่งหนึ่ง เป็นบ้านมือสอง ขณะนี้แจ้งทางแบงก์แล้วและเตรียมเข้าแจ้งความ นอกจากนี้ยังมีคนแนะนำว่าเอากุญแจมาล็อกซ้ำไปเลย
ล่าสุดวันที่ 26 ม.ค. 66 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางมาพูดคุยกับ นายสุระพงษ์ เหลือจันทึก หรือ ต๋อง อายุ 51 ปี ผู้เสียหายจากกรณีดังกล่าว ซึ่งวันนี้เจ้าตัวได้เดินทางไปที่กรมบังคับคดี และไปพบ ผอ.กรมบังคับคดี มีการแนะนำให้ตนไปเคลียร์ปัญหาที่เกิดขึ้นกับธนาคารที่ตนได้ไปซื้อบ้านมือสองมา
จากนั้นนายต๋องได้โทรศัพท์ไปหาธนาคารดังกล่าว เพื่อเคลียร์ปัญหาที่เกิดขึ้น และได้บอกกับปลายสายซึ่งเป็นธนาคารที่ตนได้ไปซื้อบ้านมือสองหลังที่เกิดข้อพิพาท ซึ่งตนไม่สามารถเข้าไปอยู่พักอาศัยได้ เนื่องจากเจ้าของบ้านคนเดิมยังอ้างสิทธิ์ความเป็นเจ้าของนำโซ่และแม่กุญแจล็อกประตูรั้วบ้านทั้งสองไว้ นอกจากนั้นยังแจ้งความจับตนสองข้อหา “ลักทรัพย์และบุกรุกเคหะสถาน” โดยอ้างว่าระหว่างที่ต้นซื้อบ้านหลังนี้และเคลียร์ของของเจ้าของบ้านคนเดิมออก ต้นได้ไปลักทรัพย์ของนั้น
จากนั้นตนได้ไปที่ สน.บางบอน เพื่อจะไปแจ้งความเจ้าของคนเดิมว่าบุกรุกบ้านของตน แต่ปรากฏว่าตำรวจไม่แนะนำให้แจ้งความกลับแต่แนะนำให้เดินทางไปที่กรมบังคับคดีเพื่อฟ้องขับไล่เจ้าของเดิม แต่เมื่อไปที่กรมบังคับคดีแล้ว ทาง ผอ.กรมบังคับคดี กลับบอกว่า ไม่สามารถฟ้องขับไล่เจ้าของคลิปเดิมได้ เนื่องจากบ้านหลังดังกล่าวที่ถูกยึดขายจากกรมบังคับคดีให้กับธนาคารแห่งหนึ่ง ต้องให้ธนาคารดังกล่าวเป็นคนดำเนินการฟ้องขับไล่เจ้าของคนเดิม
ด้านพนักงานขายของธนาคารแห่งหนึ่งชี้แจงว่า หลังจากที่ธนาคารได้ซื้อบ้านหลังนั้นต่อจากกรมบังคับคดี ได้ทำการฟ้องขับไล่เจ้าของคนเดิมแล้ว ซึ่งดำเนินการหลายครั้ง แต่ปรากฏว่าเจ้าของคนเดิมไม่ย้ายออก จนกระทั่งผู้เสียหายมาซื้อบ้านหลังดังกล่าว จากนั้นมีการแนะนำผู้เสียหายให้ไปจ้างทนายความเพื่อดำเนินการฟ้องขับไล่เจ้าของบ้านคนเดิม
ซึ่งระหว่างที่ทั้งสองฝ่ายได้เคลียร์ปัญหาดังกล่าว ปรากฏว่าเกิดการโต้เถียงกัน เนื่องจากทางผู้เสียหายก็ไม่ยอมจะให้อีกฝ่ายดำเนินการจัดการดังกล่าวตามที่กรมบังคับคดีแนะนำ ส่วนทางด้านธนาคารก็ไม่ยอมเช่นกันอ้างว่าผู้เสียหายซึ่งเป็นลูกค้าจะต้องดำเนินการเอง
นายต๋อง เปิดใจกับทีมข่าวอัมรินทร์ ทีวี หลังได้พูดคุยเคลียร์ปัญหาที่เกิดขึ้นกับธนาคารที่ตนไปซื้อบ้านมือสองหลังเกิดเหตุ เล่าว่าตนเพิ่งทราบเรื่องราวเกี่ยวกับบ้านที่ตนเองซื้อทั้งหมดจาก ผอ.กรมบังคับคดี ที่ตนได้มีโอกาสเดินทางไปพบวันนี้
โดยบ้านหลังที่เกิดเหตุถูกศาลยึดทรัพย์จากเจ้าของเดิมเมื่อปี 2563 ซึ่งปีนั้นทางธนาคารแห่งหนึ่งได้ซื้อบ้านหลังนี้ต่อจากกรมบังคับคดีในจำนวน 3.7 ล้านบาท หลังทำการซื้อทางธนาคารไม่ได้โอนชื่อกรรมสิทธิ์เป็นเจ้าของบ้าน เพิ่งทำการโอนกรรมสิทธิ์เป็นเจ้าของบ้านเมื่อปี 2564 ก่อนขายให้ตนในปี 2565 จำนวน 7.2 ล้านบาท
ตนมองว่าในช่วงระหว่างปี 2563 ถึง 2564 อาจเป็นช่องโหว่ให้เจ้าของบ้านคนเดิมซึ่งยังคงมีชื่อเป็นเจ้าของบ้านในโฉนดที่ดิน สามารถพักอาศัยอยู่ที่บ้านหลังนั้นได้ และยังเพิ่งทราบข้อมูลอีกว่า ทางธนาคารที่ซื้อบ้านหลังนั้นต่อจากกรมบังคับคดี ไม่ได้ทำการฟ้องขับไล่เจ้าของคนเดิม ก่อนที่จะมีการขายทอดตลาดในปี 2565
ซึ่งข้อมูลที่ได้รับจากกรมบังคับคดีขัดแย้งจากข้อมูลที่ได้รับจากธนาคารที่ตนเพิ่งเคลียร์ปัญหา โดยทางธนาคารอ้างว่าได้ทำการฟ้องขับไล่แต่เจ้าของคนเดิมไม่ออกไป ตนจึงถามธนาคารว่าแล้วทำไมเจ้าของคนเดิมยังไม่ออกไป แต่มีการทำการขายบ้านหลังนั้นทอดตลาด ซึ่งทางธนาคารไม่ได้ชี้แจงในประเด็นนี้
วันนี้ตนโมโหมากเพราะทางธนาคารได้บอกว่าให้ตนไปจ้างทนายเพื่อมาดำเนินการฟ้องขับไล่อีก คล้ายปัดปฏิเสธไม่ช่วยและโยนความรับผิดชอบให้ลูกค้า ส่วนตัวตอนนี้เดือดร้อนมาก เพราะต้องจ่ายค่าผ่อนบ้านงวดที่สองในวันที่ 29 มกราคมที่จะถึงนี้ จำนวน 37,000 บาท
ซึ่งบ้านที่ซื้อก็ไม่ได้เข้าไปอยู่ และต้องหาเงินเพื่อมาจ่ายค่าผ่อนบ้าน หนำซ้ำต้องไปจ้างทนายเพื่อมาดำเนินการฟ้องขับไล่ และยังถูกเจ้าของบ้านคนเก่าฟ้องตนและพวกหลักทรัพย์ ถือว่าครั้งหนึ่งในชีวิตเคยเจอเรื่องเฮงซวย เตือนคนจะซื้อบ้านมือสองตรวจสอบประวัติบ้านก่อนซื้อ
ในส่วนที่เจ้าของบ้านคนเดิมแจ้งความตนและพวกว่าลักทรัพย์ ตนมองว่าคู่กรณีก็สามารถทำได้เพราะเป็นสิทธิ์ของเขา ซึ่งทางตนก็จะบริสุทธิ์ใจในการโต้แย้งและต่อสู้คดี ตอนนี้ไม่ติดใจกับ พ.ต.ท. ที่รู้จักเจ้าของบ้านคนเดิมที่แจ้งความตนแล้ว เพราะปวดหัวกับธนาคารที่ตนไปซื้อบ้านและต้องมาดำเนินการฟ้องขับไล่มากกว่า
ด้าน นายจิตตพล เทนสุขภรณ์ อายุ 48 ปี ประธานหมู่บ้านที่เกิดเหตุ เผยว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเจ้าของบ้านคนเก่าติดไฟแนนซ์กับธนาคารแห่งหนึ่งจนทำให้ถูกธนาคารยึดทรัพย์ในปี 2564 จนกระทั่งธนาคารขายบ้านหลังดังกล่าวทอดตลาดในปี 2565 ทำให้เจ้าของบ้านคนใหม่เข้ามาซื้อ
ซึ่งเจ้าของบ้านคนเดิมได้ซื้อบ้านสองหลังของโครงการในหมู่บ้าน ซึ่งอยู่คนละซอยแต่เป็นซอยที่อยู่ติดกัน โดยหลังที่ถูกธนาคารยึดทางธนาคารได้ขายทอดตลาดไปแล้ว ส่วนอีกหลังหนึ่งที่เป็นเจ้าของแล้ว อยู่ซอยติดกัน ล่าสุดก็ถูกธนาคารยึดทรัพย์ไปแล้วเช่นกัน แต่ในส่วนนี้เป็นเรื่องส่วนตัวของลูกบ้านในหมู่บ้านจึงไม่ได้ไปยุ่งเกี่ยวหรือสอบถามรายละเอียด
ส่วนเจ้าของบ้านคนใหม่หลังจากซื้ออย่างถูกต้องตามกฏหมายและโอนกรรมสิทธิ์เป็นของตนเองแล้ว แล้วได้จ้างทีมช่างมารีโนเวท เพื่อซ่อมแซมและปรับปรุงตัวบ้าน แต่ก็ต้องมาพบปัญหากับเจ้าของคนเดิมที่อ้างสิทธิ์ว่าเขายังเป็นเจ้าของ ทำให้ทางนิติบุคคลของหมู่บ้านก็ต้องยึดตามหลักกฏหมาย ให้สิทธิ์คนที่เป็นเจ้าของบ้านพักตัวจริงก็คือเจ้าของบ้านพักคนใหม่ที่มาซื้อสามารถเข้าออกในหมู่บ้านได้และสามารถเข้าไปในบ้านพักได้โดยไม่ถือว่าเป็นการบุกรุก
โดยตอนที่เจ้าของคนใหม่เข้ามาในบ้านพักได้ นำข้าวของของเจ้าของคนเก่าออกจากบ้านพักเพื่อเอาไปทิ้ง เพื่อที่จะเคลียร์บ้านและให้ช่างมารีโนเวท ทำให้เจ้าของคนเก่าไม่พอใจก็ไปแจ้งความจนเป็นเหตุการณ์ดังกล่าว และล่าสุดก็เอาโซ่มาคล้องและเอากุญแจมาล็อคที่รั้วประตูบ้าน ในส่วนเหตุการณ์นี้ทางนิติบุคคลของหมู่บ้านก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน โดยมีตำรวจท่านหนึ่งซึ่งเคยเป็นเจ้าของบ้านหลังที่เกิดเหตุ ต่อมาตำรวจคนนี้ได้ขายบ้านให้กับลูกน้อง ซึ่งต่อมาผ่อนไม่ไหวก็ถูกธนาคารยึด
ตำรวจนายนี้ขู่จะแจ้งความนิติบุคคลของหมู่บ้าน ที่ปล่อยประปละเลยให้เจ้าของบ้านคนใหม่มาบุกรุกบ้านที่เจ้าของคนเก่าอ้างว่ายังเป็นกรรมสิทธิ์ของเขา ยืนยันทางนิติบุคคลหมู่บ้านทำทุกอย่างถูกต้องตามขั้นตอนของกฎหมายหากลูกบ้านจะฟ้องก็ยินดีที่จะต่อสู้ในกระบวนยุติธรรม
ด้าน นายรณณรงค์ แก้วเพชร ประธานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม เปิดเผยถึงกรณีดังกล่าวว่า ตามข้อกฎหมายที่ระบุไว้ จากประเด็นแรกคือเจ้าของบ้านคนเดิมไปแจ้งความที่ สน.บางบอน เพื่อเอาผิดกับเจ้าของบ้านคนใหม่ที่ขนย้ายข้าวของในบ้านพักออกไปโดยไม่ได้รับอนุญาต
กรณีนี้ทางผู้ซื้อบ้านมือสอง โดยเฉพาะเป็นบ้านมือสองที่ถูกศาลยึดทรัพย์ ต้องไปตรวจสอบประวัติบ้านกับศาลเองก่อนซื้อ ว่าขณะนั้นมีผู้อยู่อาศัยในบ้านพักหรือไม่ หากมีผู้อยู่อาศัยในบ้านพัก ตามกฎหมายระบุไว้จะต้องไปยื่นเรื่องฟ้องขับไล่เจ้าของบ้านคนเดิม เพื่อบังคับให้ขนของและย้ายออกจากบ้านพักหลังดังกล่าว
ทำให้เมื่อเกิดเหตุการณ์ ที่เจ้าของบ้านคนใหม่ขนย้ายข้าวของ ของเจ้าของบ้านคนเดิมออกจากบ้านพัก แม้ว่าบ้านพักหลังนั้นจะเป็นชื่อเจ้าของตามกรรมสิทธิ์ก็ตาม ถือเป็นการบุกรุกเคหสถานและลักทรัพย์ ซึ่งตามกฏหมายเจ้าของบ้านคนเดิมสามารถทำได้และเอาผิดได้ จากเหตุการณ์เบื้องต้นเจ้าของบ้านคนใหม่จะต้องไปฟ้องขับไล่เจ้าของบ้านคนเดิมก่อน เพื่อให้ขนย้ายสิ่งของออกจากบ้านพักหลังนั้น
ส่วนประเด็นที่สอง เรื่องที่ใครจะเป็นคนฟ้องศาลเพื่อฟ้องขับไล่เจ้าของคนเดิม หากเป็นบ้านพักที่ถูกยึดทรัพย์โดยธนาคารไปซื้อมาจากกรมบังคับคดี แล้วมาขายต่อให้ผู้ซื้อ สามารถทำได้ทั้งสองแบบคือทางธนาคารไปยื่นฟ้องขับไล่เจ้าของคนเดิม หรือทางเจ้าของคนใหม่จะไปจ้างทนายเพื่อไปฟ้องขับไล่เจ้าของคนเดิมก็ได้ แต่หากเป็นผู้ซื้อไปซื้อบ้านที่ถูกยึดทรัพย์โดยตรงจากกรมบังคับคดีเอง ทางผู้ซื้อต้องไปยื่นฟ้องขับไล่เจ้าของคนเดิมเอง
