จากกรณีครูสาวส่งเรื่องร้องเรียนไปเพจ "อยากดังเดี๋ยวจัดให้" ถึงกรณีที่สามีซึ่งรับราชการเป็นทหารอากาศ แอบคบชู้ แต่ภรรยาจับได้ สุดท้ายยอมรับเรื่องถึงหน่วยงาน มีการเซ็นตกลงกันแล้วว่าจะไม่ทำอีก แต่ก็ไม่ทำตามข้อตกลง จึงร้องสื่อต้องการความเป็นธรรม
วันที่ 20 ม.ค. 66 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี พูดคุยกับ น.ส.ดาวเรือง บูรณธณิต หรือ ครูหนิง กรณีที่ลูกสาวคนกลางของสามีทหารเรือ ได้รับมอบหมายจากผู้เป็นย่า ส่งหนังสือมายังโรงเรียนต้นสังกัดของครูหนิง ร้องเรียนการกระทำการไม่เหมาะสม เเละประพฤติตนเป็นอันตรายต่อบุคคลอื่น โดยเนื้อหาในหนังสือระบุข้อความว่า
"เมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน 2565 เวลา 18.00 น. นางสาวดาวเรือง บูรณธณิต เดินทางมายังบ้าน (หลังเกิดเหตุ) อยู่ในพื้นที่ ตำบลตลาด อำเภอจอหอ จังหวัดนครราชสีมา พร้อมบุคคลที่ 3 จำนวน 2 คน ได้เข้ามาภายในบ้านพักทำลายทรัพย์สินและรื้อข้าวของภายในบ้าน ได้นำทรัพย์สินออกจากบ้านที่ไมใช่ทรัพย์สินของตน โดยที่ไม่ได้รับอนุญาตในยามวิกาล และในวันถัดไปได้มีการด่าทอ หมิ่นประมาทผู้เป็นบุพการี (แม่สามี) และบุคคลอื่น ๆ ให้ใด้รับความเสียหายทำให้ละเทือนสภาหจิตใจของผู้เป็นบุพการีและผู้บุคคลอื่น การกระทำดังกล่าว ทำให้ข้าพเจ้ารู้สึกไม่พอใจกับเหตุการณ์และการกระทำของนางสาวดาวเรือง บูรณธณิต ซึ่งเป็นรองผู้อำนวยการสถานศึกษา และเคยเป็นแม่พิมพ์ของเด็ก ๆ ในสถานศึกษา เพราะในวันเกิดเหตุนางสาวสาวดาวเรือง บูรณธณิต ได้สวมใส่ชุดชำาราชการเต็มยศมายังบัานพักและเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น ซึ่งอาจทำให้ทางสถานศึกษาเสื่อมเสียชื่อเสียงได้
ในการนี้ที่ข้าพเจ้าได้ทำเรื่องร้องเรียนเข้ามาเพราะ (แม่สามี) ผู้เป็นย่าของข้าพเจ้าได้มอบหมายให้ข้าพเจ้าจัดการดำเนินการเรื่องร้องเรียนในครั้งนี้ เหตุการณ์ครั้งนี้ นางสาวดาวเรือง บูรณธณิต มีพฤติกรรมอันไม่เหมาะสม และกระทำตนเป็นบุคคลนตรายต่อผู้อื่นทั้งร่างกายและสภาพจิตใจ ข้าพเจ้าจึงขออนุญาตทางตันสังกัดโปรดตราจสอบข้อเท็จจริงและพิจารณาตามหน้าที่ หากทางต้นสังกัดเพิกเฉย ข้าพเจ้าขออนุญาตร้องเรียนผ่านทางสำนักงานเขตบางขุนเทียนต่อไป"
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- รักอลวน! แฉเจ๊ฉกผัวครูคบซ้อนฝรั่ง ทหารรับห่วงติดกล้องจิ๋วส่องเมียหลวง (คลิป)
- เมียทหารเดือดสาวสายบุญฉกผัวปากแซ่บ เสื้อในโผล่บ้านผัวแถสุดพีก (คลิป)
ครูหนิง เปิดเผยว่า ตนเองได้อ่านข้อความในหนังสือดังกล่าวเเล้ว มองว่าเป็นการร้องเรียนในเรื่องเท็จ กล่าวหาว่าตนไปบุกรุก ซึ่งความจริงเเล้วตนเองเป็นภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมาย สามารถไปบ้านหลังดังกล่าวได้ทุกเวลา เพราะเป็นบ้านของสามี นอกจากนี้ยังไม่ใช่การบุกรุกในยามวิกาล เพราะตนมีคลิปหลักฐานยืนยันว่าเป็นเวลาที่ฟ้าสว่างอยู่ ส่วนที่ผู้ร้องเรียนกล่าวหาว่าตนเข้าไปทำลายทรัพย์สินในบ้าน ทิ้งเสื้อผ้าของบุคคลอื่นที่ไม่ใช่ของตน ซึ่งข้าวของเครื่องใช้ทั้งหมดในห้อง สามีเคยบอกว่าเป็นคนเก็บเงินซื้อเอง ดังนั้นการที่ตนอุ้มหมอนขึ้นรถ ก็ย่อมมีสิทธิ์ เพราะถือเป็นสินสมรสตามกฎหมาย โดยหนังสือฉบับนี้ทางผู้บังคับบัญชาของตนรับทราบเเล้ว ตนเองก็ได้ชี้เเจงไปว่าเป็นการร้องเรียนเท็จ ดังนั้นเรื่องนี้จึงจบไป
ส่วนสาเหตุของการส่งหนังสือร้องเรียน ตนเองไม่ทราบว่าสามีสั่งให้ลูกสาวทำ หรือลูกสาวทำเอง ซึ่งถ้าหากลูกสาวเป็นคนทำเอง ส่วนตัวคิดว่าคงจะโกรธเเค้นในสิ่งที่ตนไปออกรายการทีวี หรือให้สัมภาษณ์สื่อเเฉพฤติกรรมของพ่อเขา
เบื้องต้น ตนเองได้ทราบข้อมูลว่าขณะนี้ทางผู้บังคับบัญชาของสามี ได้เเจ้งกับสามีว่าให้ครอบครัวของสามีควรหยุดการกระทำในลักษณะเเบบนี้ ขณะเดียวกันก็ทราบข้อมูลจากเเหล่งข่าวภายในค่ายทหาร ว่าทางผู้บังคับบัญชาอยู่ระหว่างดำเนินการตามขั้นตอน เเละสามีของตนมีโอกาสที่จะถูกลงโทษ ถึงขั้นให้ออกจากราชการสูง ตนเองพอทราบข่าวก็รู้สึกสบายใจขึ้น อยากให้เขาโดนไล่ออกจากราชการ ให้สมกับสิ่งที่เขาทำ โดยในวันพรุ่งนี้ 21 ม.ค. เป็นวันที่นัดหมายกัน ไม่ทราบว่าสามีจะมาตามนัดหรือไม่ เเต่ก็ทราบข้อมูลจากภายในค่ายทหารว่าในวันพรุ่งนี้สามีได้เขียนใบลาพักผ่อนไว้เเล้ว
ครูหนิง บอกข้อมูลอีกเรื่องกับทีมข่าวว่าตนได้รับฟังข้อมูลการบอกเล่ามาจากบุคคลอื่น ว่าหลังจากวันที่ 5 ธ.ค. 65 ทีมีการเปิดร้านเสริมสวยของ น.ส.น้ำ ก็มีข่าวว่าสามีของตนกับ น.ส.น้ำ ได้ไปกราบขอขมาพระรูปหนึ่ง ซึ่งเป็นพ่อของสามีที่วัดเเห่งหนึ่ง เพื่อขอขมาเรื่องที่มีการผิดผีกัน โดยหลังจากกราบขอขมาเสร็จก็มีการเเต่งงานกันเล็ก ๆ ซึ่งข้อมูลดังกล่าวจริงหรือเท็จตนไม่ทราบ
แต่ในวันที่ 26 ธ.ค. หลังจากที่มีการทำข้อตกลงระหว่างกันในค่ายทหารเเล้ว เมื่อกลับมาที่บ้านทราบว่าสามีของตน เเสดงอาการดีใจ เลี้ยงฉลอง ถึงขั้นมีการจุดพลุ เชื่อว่าตอนนั้นทางสามีคงสบายใจ ว่าถึงเเม้ไม่ทำตามข้อตกลงก็คงไม่เป็นอะไร ซึ่งวันนั้นสามีกับเเม่ของสามี มีการเลี้ยงฉลองกันหนักถึงขั้นติดโควิด
ครูหนิง กล่าวถึงสภาพจิตใจตอนนี้ดีขึ้นมาก ช่วงเเรก ๆ ที่เกิดเรื่องยอมรับว่าเสียใจหนัก ร้องไห้ทุกวัน เเต่พอเรื่องราวเป็นข่าว มีคนเข้ามาให้กำลังใจเยอะมาก ทำให้รู้สึกเหมือนมีคนอยู่เคียงข้าง ไม่โดดเดี่ยวเหมือนเมื่อก่อน โดยช่วงท้ายของการสัมภาษณ์ ครูหนิงได้กล่าวขอบคุณอมรินทร์ทีวี เป็นสื่อช่องเเรกที่มาสัมภาษณ์ ขอบคุณเพจอยากดังเดี๋ยวจัดให้ ที่เป็นจุดเริ่มต้นในการเปิดเผยเรื่องราว "อยากบอกไว้ตรงนี้เลยว่า พี่รักอมรินทร์ทีวีมาก เพราะอมรินทร์ทีวีเป็นทีวีช่องเเรกที่วิ่งเข้ามาหาพี่ เข้ามาสัมภาษณ์พี่ และขอขอบคุณเพจอยากดังเดี๋ยวจัดให้ ที่เป็นจุดเริ่มต้นในการเปิดเผยเรื่องราว จึงรู้สึกประทับใจเเละรักมากที่สุด" ครูหนิง กล่าว
ล่าสุด มีคลิปเสียงจากสายลับจับบ้านเล็ก ส่งข้อมูลมาให้ครูหนิง ให้ข้อมูลว่าก่อนหน้านั้นชาวบ้านเข้าใจกันว่าสาวสายบุญมีสามีเป็นฝรั่ง แต่เขาก็ไม่เคยพามาให้เห็น มีเพียงคำพูดของเหล่าลูกน้องเท่านั้น แล้วก็คิดว่าคงไม่ใช่เรื่องจริง เพราะเห็นว่านายทหารอากาศสามีครูหนิงไปมาหาสู่กับสาวสายบุญ ตั้งแต่เดือนพฤษภาคมปีที่แล้ว ตั้งแต่เปิดร้านเสริมสวย โดยมีการทำบุญขึ้นร้านใหม่สามีของครูก็อยู่ในพิธีประหนึ่งว่าเป็นคนในครอบครัวของสาวสายบุญ รวมถึงพี่สาว และแม่ของสามีครูด้วย
สายลับคนดังกล่าวเผยอีกว่าเมื่อช่วงเดือนพฤศจิกายน สาวสายบุญและสามีครู สารภาพบาปและทำพิธีผูกข้อไม้ข้อมือกันที่วัด ที่หลวงพ่อของสามีครูบวช และย้ายไปอยู่ด้วยกันที่บ้านหลังดังกล่าวที่ครูหนิงไปเจอเสื้อผ้า หลังจากข่าวออกไปเมื่อวานนี้ช่วงเช้าก็เห็นว่าสาวสายบุญมาที่ร้านเสริมสวยพร้อมกับชาวต่างชาติ ที่เคยบอกว่ารวย เพราะมีสามีเป็นฝรั่ง
ส่วนเหตุผลที่มาบอกครูเพราะเห็นในข่าว ครูออกมาพูดคนเดียว และเหตุผลที่สำคัญเห็นว่าสาวสายบุญคนนี้นำเงินของผู้ชายอีกคนมาเปย์ให้กับครอบครัวของชายอีกคนหนึ่ง ก็คือสามีของครู หมายความว่าเขาหลอกลวงง 2 คนด้วยกัน คนอื่นที่เห็นบอกเลยว่ารับไม่ได้
ล่าสุดครูหนิงแจ้งทีมข่าวว่ามีเจ้าหน้าที่ทหารกองบิน 1 แจ้งข้อมูลผ่านทาง LINE ว่าในวันพรุ่งนี้ 21 ม.ค. 66 สามีของครูหนิงจะไม่สามารถเดินทางมาพบครูหนิงได้ตามข้อตกลงที่เคยตกลงกันไว้ เนื่องจากเมื่อเวลา 16.00 น. ที่ผ่านมา ทางด้านผู้บังคับบัญชาได้มีคำสั่งให้สามีเข้าธำรงวินัยเป็นระยะเวลา 3 วัน เริ่มตั้งแต่วันนี้ จนถึงวันอาทิตย์ที่ 22 ม.ค. 66
ทีมข่าวลงพื้นที่ไปยังวัดใน จ.นครราชสีมา หลังทราบว่าสาวคนสนิทของทหารอากาศที่มีเมียเป็นตัวเป็นตนอยู่แล้ว เป็นประธานทอดกฐินที่วัด พบป้ายทอดกฐินขนาดใหญ่ ระบุชื่อของสาวนักบุญผู้มีศีลธรรมอันดีเป็นประธานทอดกฐิน เมื่อวันที่ 6 พ.ย. 65 ทีมข่าวติดต่อเข้าขอเข้าพบเจ้าอาวาสวัด ทราบข้อมูลว่าเป็นพ่อของนายทหารอากาศ ทีมข่าวจึงสอบถามถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น บอกว่าเป็นเรื่องของฆราวาส ตนนั้นเป็นเจ้าอาวาส ไม่อยากให้ข้อมูลเรื่องนี้ ยอมรับว่านายทหารคนดังกล่าวเป็นลูกชายของตนเอง ได้ติดต่อไปยังลูกชายและครอบครัวก็ไม่สามารถติดต่อได้ ส่วนหญิงสาวที่ตกเป็นข่าวมีสัมพันธ์กับบุตรชาย และเป็นประธานทอดกฐินที่วัดเมื่อปีก่อน ตนไม่เคยติดต่อเป็นการส่วนตัว ทราบว่าเป็นสายบุญ ปีที่แล้วเป็นเจ้าภาพประธานงานทอดกฐินถึง 3 วัด
ตอนที่สาวสายบุญมาพร้อมกับอดีตภรรยาตนเอง แม่ของทหารอากาศบ่อย ดูสนิทสนมกันมาก ทราบว่าสาวสายบุญรู้จักกับอดีตภรรยามานานแล้ว แต่กับบุตรชายคาดว่าเพิ่งมารู้จักกันภายหลัง สาวสายบุญสนิทสนมกับแม่ทหาร และเข้าใจว่าแม่ของบุตรชายอยากได้เป็นสะใภ้ เพราะสายเดียวกัน ชอบไปทำบุญด้วยกัน เข้าอกเข้าใจกัน
ทั้งนี้ ทราบว่าภรรยาที่จดทะเบียนสมรสกับบุตรชายเป็นครูอยู่ที่กรุงเทพฯ ก็ไปมาและก็เคยมาทำบุญที่วัดแห่งนี้ แต่ไม่สนิทสนม และต่างคนต่างเคยมีสามีภรรยามีลูกกันมาแล้ว คบหาจดทะเบียนสมรสกัน ไม่ได้มีลูกด้วยกัน ก่อนที่บุตรชายจะแต่งงานจดทะเบียนสมรสกับครูสาวบุตรชายได้มีภรรยามาแล้ว 3 คน ลูก 3 คน ส่วนฝ่ายหญิงก็มีลูกติด 1 คน บุตรชายของตนนั้นเป็นคนเจ้าชู้ มีเมียหลายคน แต่ก็คิดว่าใครจะไปทำอะไรเขาได้ ในเมื่อเขาเป็นแบบนี้ เป็นมาตั้งแต่แรก ก่อนที่จะคบกับครูสาวอีก เคยเตือนบุตรชายเขาก็ตอบว่าเดี๋ยวเขาจะจัดการด้วยตัวเขาเอง ตนยังเคยมีภรรยา 5 คน สุดท้ายพบเจอกับปัญหาต่าง ๆ จึงหันหน้าเข้าหาธรรมะ โดยแม่ของทหารเป็นเมียหนึ่งของนายทหารอากาศ
สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น อยากให้ทั้ง 2 ฝ่ายสงบศึก ต่างคนต่างอยู่ จะได้ไม่มีใครเป็นทุกข์ เรื่องแบบนี้เป็นเรื่องของคน 3 คนยิ่งไปต่อความยาวสาวความยืดก็จะกลายเป็นเรื่องใหญ่โต ยิ่งนำไปออกข่าวก็จะทำให้เรื่องไม่จบไม่สิ้น และอาจสร้างปัญหาก่อให้เกิดความโกรธ ส่งผลให้กลายเป็นโศกนาฏกรรมได้ แล้วผู้นำเสนอข่าวนำเสนอข้อมูลก็จะผิดบาปไปด้วย มีส่วนทำให้เกิดการปะทะกันมากขึ้น และจะเป็นบาปติดตัวไปชั่วชีวิต
ทีมข่าวได้ลงพื้นที่มายังร้านเสริมสวยของสาวสายบุญ ภายในตลาดแห่งหนึ่ง จ.นครราชสีมา ปรากฏว่าร้านเสริมสวยร้านนวดของสาวสายบุญเปิดทำการปกติ โดยมีลูกน้องอยู่ภายในร้าน 4-5 คน บอกว่าสาวสายบุญ นายจ้างไม่เดินทางมาที่ร้านเสริมสวย และร้านนวดเลย แต่ลูกน้องบอกว่านายจ้างเขาจะออกมาพูดเอง แต่ขอเวลา ทีมข่าวสอบถามอีกว่าจากข่าวที่ปรากฏตอนนี้ลูกน้องรู้สึกอย่างไร กลุ่มลูกน้องก็บอกว่าไม่รู้สึกอะไร เพราะไม่ใช่เรื่องของตนเอง เป็นเรื่องส่วนตัวของนายจ้าง ที่สำคัญก็ยังเปิดร้านปกติมีงานให้พวกเราทำปกติ