"ชูวิทย์" ยื่นหนังสือถึงอัยการแจ้งข้อหาเพิ่ม "ตู้ห่าว" ผลิตนำเข้าสารเสพติดเข้ามาราชอาณาจักร พร้อมจี้ย้าย ผบช.น.พ้นตำแหน่งเหตุทำรูปคดีเสีย
วันที่ 28 ธ.ค. นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ เดินทางมายื่นหนังสือถึงสำนักงานอัยการสูงสุด เขตตลิ่งชัน ให้ตั้งข้อหานายชัยณัฐร์ กรณ์ชายานันท์ หรือ "ตู้ห่าว" กับพวกในข้อหาผลิต นำเข้าสารเสพติดเข้ามาในราชอาณาจักร พร้อมระบุว่า วันนี้นำข้อมูลเกี่ยวกับสารเสพติดที่มีการขายในประเทศมาให้อัยการตรวจสอบว่าสารเสพติดที่ตรวจพบในที่เกิดเหตุนั้น มีสารตั้งต้นเหล่านี้หรือไม่ โดยได้ข้อมูลมาจากเจ้าหน้าที่ตำรวจยศสูงที่เกษียณไปแล้ว อักษรย่อ ส.เสือ ซึ่งตลอดระยะเวลากว่า 2 เดือนที่ผ่านมาหลังจากมีการเข้าตรวจค้น และจับกุมที่ผับจินหลิง พลตำรวจโทธิติ แสงสว่าง ในฐานะหัวหน้าพนักงานสืบสวนสอบสวนได้ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ในการเก็บพิสูจน์หลักฐาน เอกสารในที่เกิดเหตุ รวมถึงข้อผิดพลาดอื่น ๆ ในคดี ทั้งการตั้งข้อหาที่ล่าช้า หรือละเว้นการตั้งข้อหา ส่งผลเสียต่อรูปคดี มีพฤติการณ์ไม่น่าไว้วางใจซึ่งหากจะปล่อยให้อยู่ในตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจนครบาลต่อไป ก็จะเกิดความเสียหายแก่ประชาชนชาวกรุงเทพมหานคร จึงขอเสนอให้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เร่งรัดให้โยกย้ายผู้บัญชาการตำรวจนครบาลออกจากการกำกับดูแลในพื้นที่โดยเร็ว
“หากไม่มีการเร่งโยกย้ายจะเปิดเผยหลักฐาน ทั้งคลิปของนายตู้ห่าวที่พูดอย่างชัดเจนว่าเงินสามารถซื้อได้ทุกอย่างการขึ้นภาพบนบิลบอร์ด ในมณฑลซานซี แอบอ้างภาพหม่อนราชวงศ์ระดับสูง พร้อมทั้งโฆษณาหากมาที่ประเทศไทยจะได้รับการอำนวยความสะดวกในการดำเนินธุรกิจต่าง ๆ ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน หากนายกรัฐมนตรียังไม่ดำเนินการก็จะส่งผลต่อตำแหน่งอย่างแน่นอน”นายชูวิทย์กล่าว
นอกจากนี้ นายชูวิทย์ ยังเชื่อว่า นายชัยณัฐร์ กรณ์ชายานันท์ หรือตู้ห่าว จะหลุดออกจากคดีอย่างแน่นอน เพราะเจ้าหน้าที่ตำรวจมีการแจ้งข้อหาที่ล่าช้าผิดพลาด โดยเห็นอย่างชัดเจนว่าอุปกรณ์ทุกอย่างที่พบในที่เกิดเหตุถูกนำเข้ามาจากจีน ซึ่งสารนี้เห็นได้ชัดเจนว่าเป็นสารตั้งต้นของยาเสพติด คือ เฟนทานิล มีอันตรายอย่างมาก เป็นสารใหม่ที่มีความร้ายแรงกว่าเฮโรอีน หากไปผสมน้ำหรือสารอย่างอื่น สามารถทำให้ผลิตได้ในปริมาณที่สูง และสารนี้ไม่มีอยู่ในประเทศไทย ทำไมเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ต้องตั้งข้อสงสัย และดำเนินการในส่วนนี้
