สุดแสบ! “นายสิบ” ปลอมยศ "พ.ต.ต." ลวงรัก สาวช็อกตกเป็นเมียรอง-ท้องถูกบีบรีดลูก หวั่นหลอกเหยื่อซ้ำ (คลิป)

19 พ.ย. 65

จารกรณี น.ส.แต้ว (นามสมมติ) อายุ 42 ปี ได้ร้องเรียนมายังสื่อมวลชนว่าถูก นายโด้ อายุ 28 ปี โดยมีตำแหน่งเป็นตำรวจสังกัดกองกำกับการควบคุมฝูงชนนครบาลกรุงเทพ และมียศตำรวจคือ ส.ต.ต. แต่ปรากฏว่าเจ้าตัวนั้นได้มีการปลอมแปลงเอกสารทางราชการ รวมทั้งมีการแต่งกายด้วยชุดเครื่องแบบตำรวจยศ พ.ต.ต. หลอกลวงและหลอกให้รัก ก่อนที่จะมีการหลอกเอาเงินไปจำนวน 80,000 บาท หลังจากที่คบหากันปรากฏว่าฝ่ายหญิงตั้งท้อง 1 เดือน ก็มีการจ่ายเงิน 15,000 บาท ให้เพื่อไปทำแท้ง และสิ่งที่ทำให้ฝ่ายหญิงเกิดความไม่พอใจอย่างมาก คือตัวของตำรวจมีครอบครัวอยู่แล้ว ซึ่งมีการจดทะเบียนสมรสกับครูสาวในพื้นที่ จ.เชียงใหม่ 

901787301767

วันที่ 19 พ.ย. 65 ทีมข่าวเดินทางลงพื้นที่ไปเจอกับ น.ส.แต้ว (นามสมมติ) อายุ 42 ปี ผู้เสียหายที่ถูกตำรวจยศสิบตรีหลอกให้รักและยังอ้างว่าติดยศพันตรี โดยทางด้านของผู้เสียหาย เปิดเผยว่า ตนเองรู้จักกับนายโด้ ตำรวจคนดังกล่าวเมื่อช่วง วันที่ 10 ธ.ค. 64 โดยตอนนั้นตนเองก็ยังเป็นแม่ค้าขายของอยู่ในตลาด แต่ปรากฏว่านายโด้ได้เข้ามาภายในตลาดและอ้างว่ากำลังไล่จับโจรตามหมายจับ ซึ่งหลังจากนั้นก็ได้มีการแลกเบอร์โทรศัพท์และไลน์ไปพูดคุยกัน ตนเองก็พอจะรู้ว่าเจ้าตัวเขามาจีบ จากนั้นก็เริ่มที่จะพูดคุยกันบ้างจนกระทั่งช่วงเดือน ก.พ. 65 เป็นช่วงที่ตัดสินใจคบหากันในฐานะแฟน และตนเองก็ได้แหวนรุ่นมาจากนายโด้ ซึ่งอ้างว่าเป็นการคบหากันจึงให้สัญลักษณ์เอาไว้ 

757271

และหลังจากนั้นก็ได้มีการพูดคุยกันบ้าง เจอกันบ้างตามโอกาส แต่ก็มีช่วงโอกาสที่พากันไปเปิดตัวทั้ง 2 บ้าน โดยตนเองพาไปแนะนำให้พ่อแม่รู้จักที่บ้านใน จ.พะเยา แต่ไม่บ่อยครั้ง ส่วนใหญ่ตนเองจะอยู่บ้านของนายโด้ที่อยู่ในพื้นที่ จ.นครสวรรค์ มากกว่า และบ้านหลังดังกล่าวก็จะมีพ่อและแม่ของนายโด้อาศัยอยู่ ตนเองก็กินนอนอยู่บ้าน เสมือนเป็นแฟนและเป็นลูกคนหนึ่งในบ้าน

จนกระทั่งช่วงเดือน ส.ค. 64 ที่ผ่านมาปรากฏว่าตนเองตั้งท้อง เมื่อรู้ว่าท้องก็ได้มีการไปอัลต้าร์ซาวด์ดูเพื่อยืนยัน ปรากฏว่าทางโรงพยาบาลก็ยืนยันว่าตนเองตั้งท้องจริง หลังจากที่ตนเองตั้งท้องก็ได้บอกให้นายโด้รับรู้ ปรากฏว่าเจ้าตัวก็อ้างว่าไม่สามารถที่จะเลี้ยงลูกได้ในตอนนี้ เพราะจะต้องมีการไปปฎิบัติหน้าที่และเดินทางไปมาตลอด รวมถึงถ้าหากมีลูกตอนนี้ไม่สามารถที่จะจดทะเบียนสมรสอะไรด้วยได้ เพราะเนื่องจากมีการจดทะเบียนซ้อนเอาไว้ ตัวของนายโด้จึงตัดสินใจจ่ายเงินให้ 15,000 บาท ให้ตนเองไปทำแท้งซึ่งตอนนั้นตนเองก็ไม่อยากจะทำเพราะไม่อยากทำร้ายชีวิตเด็ก แต่ก็ถูกบีบบังคับจนสุดท้ายจึงตัดสินใจที่จะเอาลูกออก

หลังจากที่ตนเองเริ่มจับพิรุธว่าตัวของนายโด้ อ้างว่ามีทะเบียนสมรสอยู่แล้ว จึงพยามถามว่าไปจดทะเบียนกับใคร โดยทางด้านของนายโด้อ้างว่า จดทะเบียนสมรสกับเพื่อนสนิท เพราะต้องการที่จะให้สิทธิ์เพื่อนคนดังกล่าวในการใช้สิทธิ์ทางราชการ แต่เป็นเพียงแค่เพื่อนกันไม่ได้มีอะไรมากไปกว่านี้ และตนเองก็ไม่เคยเห็นหน้าผู้หญิงคนดังกล่าวที่อ้างว่าเป็นเพื่อนสนิทที่มีการจดทะเบียนสมรสอยู่ 

นอกจากเรื่องของทะเบียนสมรสที่มีการจดทะเบียนไปแล้ว ตนเองก็ได้มีการแอบส่งข้อมูลทั้งชื่อนามสกุลของนายโด้ ไปให้กับกลุ่มเพื่อนที่เป็นตำรวจทำการตรวจสอบประวัติ เพราะตอนแรกที่คบหากันนายโด้อ้างว่าติดยศ ร.ต.อ. แต่หลังจากคบหากันได้เพียง 2 เดือนบอกว่าได้เลื่อนขั้นเป็นว่าที่ พ.ต.ต. หลังจากที่ตนเองเห็นความผิดปกติเกี่ยวกับเรื่องของเครื่องแต่งกายรวมทั้งยศที่เพิ่มขึ้น จึงแปลกใจให้เพื่อนช่วยตรวจสอบ จนกระทั่งมารู้ภายหลังได้รับคำยืนยันว่า “นายโด้มียศทางตำรวจเป็นเพียงแค่สิบตำรวจตรี ไม่ได้มียศเป็นร้อยตำรวจหรือพันตำรวจแต่อย่างใด” หลังจากนั้นตนเองก็เริ่มตีตัวออกห่าง เพราะมองว่าถูกหลอกซ้ำซ้อนทั้งเรื่องทะเบียนสมรสรวมถึงยศตำรวจที่ปลอม

ในระหว่างที่คบหากัน ไม่เคยมีครั้งใดที่ตนเองได้รับจากตัวของนายโด้ ส่วนใหญ่จะมีแต่ตนเองช่วยออกและช่วยจ่าย จะมีเพียงแค่เงินค่าทำแท้งกับเงินค่าซ่อมรถตอนที่เกิดอุบัติเหตุโดยยอดก็ไม่สูง แต่ในทางกลับกันตนเองจะต้องมีการเราช่วยออกค่าใช้จ่าย เช่น ค่าเดินทางประชุม ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าบ้าน ค่ากิน ซึ่งรวมแล้วเป็นเงินประมาณ 80,000 บาท

481465

ส่วนเรื่องของกรณีเอกสารเช่นบัตรประจำตัวข้าราชการ หรือใบขับขี่ และภาพการแต่งกายตำรวจที่มีดาวบนบ่าเป็นยศพันตำรวจนั้น ตนเองไม่รู้ว่าเจ้าตัวตัดต่อเองหรือใครช่วยเหลือ แต่เท่าที่เคยเห็นบัตรประจำตัวเหล่านั้นพบว่ามีอยู่จริง โดยเฉพาะบัตรข้าราชการเส่วนใบขับขี่ก็มีการใช้ยศในใบขับขี่ “พ.ต.ต.” เวลาเจอด่าน หรือผ่านด่านตรวจต่าง ๆ เจ้าตัวก็มีการแสดงใบขับขี่ที่มียศปลอมดังกล่าวนั้นเพื่อแสดงตัวทุกครั้ง แต่ก็ไม่ได้มีการถูกจับหรือมีพิรุธอะไร ซึ่งตนเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าใช้วิธีการใดในการออกบัตรเหล่านั้น

อย่างไรก็ตาม หลังจากเกิดเหตุตนเองยอมรับว่าได้มีการพูดคุยกับระดับต้นสังกัดโดยเฉพาะผู้บังคับบัญชาสังกัดของตำรวจนครบาลกรุงเทพ แม้ว่าตอนนี้เจ้าตัวจะอยู่ในการควบคุมและดำเนินการทางวินัย แต่ทราบว่าเจ้าตัวยังไม่ได้รับการลงโทษหรือต้องออกจากราชการ สิ่งที่ตัวเองต้องการตอนนี้ก็คืออยากให้กระแสสังคมช่วยกดดัน มากกว่าการดำเนินคดีตามกฎหมาย หรือใช้วิธีการตรวจสอบหรือตั้งกรรมการสอบ เพราะเชื่อว่าใช้เวลานานไม่ต่ำกว่า 2 ปี ตนเองอยากจะให้ตำรวจแบบนี้ไม่ควรอยู่ในสังคม ควรจะออกจากราชการ ควรจะออกจากหน้าที่ “เป็นตำรวจแบบนี้ไม่ควรอยู่“ ส่วนตัวก็ไม่มีอะไรฝากถึงเจ้าตัว แต่เพียงแค่ยืนยันว่า “ไม่ต้องการเงินคืน ไม่ต้องการคุย ไม่ต้องการไกล่เกลี่ย แต่เพียงขอให้ตำรวจรายนี้ออกจากความเป็นตำรวจ เพื่อจะได้ไม่ต้องไปหลอกใครอีก”

639507

และวันเดียวกันนี้ ทีมข่าวได้เดินทางไปที่บ้านของนายโด้ สิบตำรวจตรี ปรากฏว่าคนในบ้านได้ทยอยปิดประตูและไม่ได้มีการให้ข้อมูลกับทีมข่าว

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ทุบโต๊ะข่าว เป็นกระแส