วันที่ 21 พ.ค. 62 เกิดเหตุนักเรียนตีกันบนรถประจำทางสาย 123 ซึ่งกำลังแล่นผ่านป้อมควบคุมสัญญาณบริเวณถนนพุทธมณฑลสาย 2 และมีเสียงปืนดังขึ้น 1 นัด ก่อนที่เด็กนักเรียน 2 ฝ่าย จะพากันวิ่งแตกกระเจิงหลบหนีไปคนละทิศละทาง โดยจังหวะนั้นเจ้าหน้าที่สังเกตเห็น นายหรั่ง นายยุทธ และนายทอม วิ่งลงจากรถประจำทางคันที่เกิดเหตุ เพื่อจะโบกรถแท็กซี่หลบหนีไปทางถนนเพชรเกษม เจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวทั้ง 3 รายเอาไว้ โดยพบอาวุธปืนไทยประดิษฐ์ ขนาด .38 จำนวน 1 กระบอก และปลอกกระสุนปืนขนาด .38 จำนวน 1 นัด เหน็บอยู่ที่เอวนายหรั่ง จึงเชิญตัวทั้ง 3 ราย และของกลางมาสอบสวนร่วมกับสหวิชาชีพที่ สน.หลักสอง
เหตุการณ์นี้ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัส ถูกกระสุนปืนเข้าที่อกข้างขวา 1 ราย ทราบชื่อคือ นายพลวัฒน์ ไชยชาติ อายุ 17 ปี
จากการสอบสวนนายหรั่งยอมรับสารภาพว่า ตนและนายยุทธกับนายทอม เป็นนักศึกษาแผนกช่างไฟฟ้า วิทยาลัยเทคโนโลยีโพลีกรุงเทพ ก่อนเกิดเหตุเพิ่งเลิกเรียนนั่งรถประจำทางจากหน้าสถาบันกำลังมุ่งหน้ากลับบ้านย่านกระทุ่มแบน โดยระหว่างที่นั่งอยู่บนรถ กลุ่มเด็กนักเรียนคู่อริ ทราบว่าเป็นเด็กช่างก่อสร้างดุสิต ประมาณ 10 คน ใช้รถจักรยานยนต์จำนวน 5 คัน พากันขี่รถมาจอดเทียบรถเมล์ขณะติดไฟแดง จากนั้นคู่อริได้พยายามวิ่งขึ้นมาบนรถ มีทั้งมีดและอาวุธปืน ตนจึงตัดสินใจชักปืนออกมายิงขู่ไป 1 นัด แต่ไม่คิดว่ากระสุนจะถูกคู่กรณี
ด้านนางนวล (นามสมมติ) แม่ของผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า ลูกถูกเชิญให้ออกจากโรงเรียน เนื่องจากเกรดไม่ถึง จึงออกมาอยู่บ้านเฉย ๆ วันนี้ตนก็ทราบว่าลูกออกจากบ้านไปตอนช่วงเที่ยง ส่วนตัวคิดว่าคงออกไปเที่ยวบ้านเพื่อน หลังจากนั้นเวลาประมาณ 15.00 น. เพื่อนลูกชายก็ได้โทรศัพท์มาบอกว่า ลูกตนโดนยิงเสียชีวิตแล้ว เมื่อได้ยินแบบนั้นก็รู้สึกตกใจและช็อก
ยอมรับว่าตั้งแต่เด็กจนโต ลูกไม่เคยมีปัญหาทะเลาะเบาะแว้งกับใคร เนื่องจากลูกเป็นคนขี้ขลาดตาขาว แต่เหตุการณ์ที่ลูกไปก่อเหตุแบบนี้เกิดเป็นครั้งแรก ตนไม่คิดโทษใครแต่ขอโทษลูกตัวเอง ผิดที่ลูกไปเลือกคบเพื่อนแบบนั้น ซึ่งเพื่อนกลุ่มนี้ตนก็ไม่รู้จัก และไม่ทราบว่าลับหลังลูกเป็นคนอย่างไร ซึ่งตนคอยเตือนลูกเสมอเรื่องการเลือกคบเพื่อน แต่ลูกไม่สนใจ ส่วนอาวุธที่ก่อเหตุ ตนก็ไม่ทราบว่าเป็นของใคร
ขณะที่นายจอม (นามสมมติ) พ่อของหนึ่งในผู้ก่อเหตุ เปิดเผยว่า ช่วงเวลาประมาณ 17.00 น. ลูกชายโทรศัพท์มาบอกว่า โดนตำรวจจับ เมื่อไปถึงโรงพักก็ยังไม่ได้พูดคุยกับลูกเรื่องรายละเอียด แต่ทราบจากข่าวในสื่อสังคมออนไลน์ พบว่ามีคนเข้ามาแสดงความคิดเห็น จึงอยากบอกว่าอย่าเพิ่งมาด่ากลุ่มลูกตน เพราะอีกฝ่ายที่กรูกันขึ้นมาบนรถเมล์
นายจอมยืนยันว่า ลูกตนไม่เคยไปมีเรื่องทะเลาะวิวาทกับใครถึงขั้นทำร้ายร่างกาย ซึ่งหลังจากนี้หากลูกถูกดำเนินคดีตนก็ไม่รู้จะหาเงินที่ไหนประกันตัวลูก เพราะตนเป็นคนหาเช้ากินค่ำ ตนคิดว่าการให้ลูกย้ายสถาบันคงไม่เกี่ยว เนื่องจากแต่ละสถาบันก็มีปัญหาแตกต่างกันออกไป และขึ้นอยู่ที่ตัวเด็กมากกว่า ส่วนหัวอกคนเป็นพ่อแม่ก็ต้องบอกว่าลูกตัวเองเป็นคนดีทั้งนั้น ไม่มีใครจะบอกว่าลูกตัวเองชั่วแน่นอน
ทั้งนี้ นายจอมบอกว่า ตัวเองเตือนลูกเสมอหลังจากทราบว่าลูกเรียนช่าง โดยบอกว่าหนีได้หนีนะลูก วิ่งได้วิ่ง อย่าไปสู้เขา ตนทำใจมาตลอดว่าถ้าลูกเรียนสถาบันนี้ ไม่ลูกตนก็อีกฝ่ายที่จะต้องโดนเช่นนี้