จากกรณีวันที่ 17 พ.ค. 62 เวลา 19.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.กาญจนดิษฐ์ พร้อมกองพิสูจน์หลักฐาน 8 และแพทย์ รพ.กาญจนดิษฐ์ เข้าตรวจสอบบริเวณริมถนนภายในหมู่บ้านห้วยลึก สายควนราชา-ห้วยโศก ม.12 ต.ช้างขวา อ.กาญจนดิษฐ์ จ.สุราษฎร์ฯ หลังรับแจ้งจากพลเมืองดี พบผู้เสียชีวิตอยู่ภายในคูข้างถนน ลึกลงไปประมาณ 2 เมตร สภาพศพมีร่องรอยไฟไหม้เหลือแต่โครงกระดูก มีรถจักรยานยนต์ทับร่างอยู่ ในสภาพที่ถูกไฟไหม้เหลือแต่ซากรถ ผู้เสียชีวิตคือ น.ส.จรินยา ช่วยพยัคย์ อายุ 18 ปี ที่หายออกจากบ้านพักของสามีตั้งแต่วันที่ 13 พ.ค. 62 ซึ่งครอบครัวสงสัยสามีของผู้เสียชีวิต เนื่องจากมีพฤติกรรมผิดสังเกต (อ่าน :
ส่อฆาตกรรม! สาว 18 เพิ่งวิวาห์หายตัว 4 วัน เจอเป็นศพไหม้เกรียมพร้อมรถ ผัวอ้างไม่รู้ไม่เห็น)
วันที่ 18 พ.ค. 62 ทีมข่าวเดินทางมาที่บ้านของครอบครัวผู้เสียชีวิต นางจริยา ปานจันทร์ ยายของผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า ตนได้เจอหลานครั้งสุดท้ายช่วงกลางวัน ของวันอาทิตย์ที่ 12 พ.ค. ก่อนจะหายไป ซึ่งทุกวันหลานจะมาซื้อนมกับตน ส่วนตัวปักใจว่าคนก่อเหตุน่าจะเป็นสามีของหลาน เพราะหลานเขยเป็นคนขี้หึงหวง ขี้ระแวง ถึงขั้นไม่ให้หลานใช้โทรศัพท์มือถือ หากจะเล่นเฟซบุ๊ก ก็ต้องใช้โทรศัพท์เครื่องเดียวกัน รวมทั้งการไปไหนมาไหนคนเดียว ตั้งแต่หลานแต่งงานไป 5-6 เดือน เคยกลับมาบ้านแค่ 2 ครั้ง อีกทั้งก็มาบ่นว่าอึดอัด สามีให้เงินมาบ้านเพียง 200 บาท
นางจริยา กล่าวว่า ที่มั่นใจว่าสามีของผู้ตายเป็นคนก่อเหตุ เพราะหลังจากหลานหายไป หลานเขยกลับพยายามบอกครอบครัวว่าไม่ต้องไปแจ้งความ เดี๋ยวน้องก็กลับมา ซึ่งตนพยายามบอกว่าต้องไปแจ้งความ แต่ฝ่ายเขยกลับมีคำตอบที่กังวล โดยถามตนว่า “หากเป็นเช่นนี้ ผมจะติดคุกไหม” ตนเองยังถามกลับไปว่า "จะติดได้อย่างไร หากไม่ได้ทำอะไรผิด" ซึ่งญาติ ๆ ก็ตัดสินใจไปแจ้งความ ทั้งนี้ ตนอยากรู้เหตุผลที่คนร้ายต้องฆ่าหลานตน หากฆ่าแล้ว ก็ไม่ต้องจุดไฟเผาก็ได้ ทำไมถึงโหดร้ายเช่นนี้ ตนเสียใจเพราะเลี้ยงหลานมากับมือ
นางจริยา ระบุว่า ตนเองได้คุยกับญาติ ซึ่งได้ข้อมูลจากเพื่อนของหลาน คาดว่าหลานอาจจะอยู่ระหว่างการตั้งครรภ์ได้ 1 เดือน เนื่องจากหลานไปปรึกษาเพื่อน ซึ่งยังไม่มีการยืนยันชัดเจน
ทีมข่าวลงพื้นที่เกิดเหตุ ในชุมชนห้วยลึก บริเวณที่พบศพคือทางระบายน้ำข้างทาง ฝั่งขาออกจากชุมชน ร่องน้ำลึกจากขอบถนนราว 2 เมตร ทั้งนี้ พบรอยเผาไหม้สีดำ กลิ่นเหม็นเน่าทั่วบริเวณ มีหนอน แมลงวัน เต็มพื้นที่ อีกทั้งยังพบชิ้นส่วนกระดูก ซึ่งถูกเผาจนไม่มีชิ้นเนื้อติดอยู่
น.ส.เบญจมาศ สังข์ทอง ป้าของผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า ตนเองเป็นคนมาดูศพหลาน หลังจากได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ เห็นสภาพขณะนั้นร่างถูกรถจักรยานยนต์ทับ ศพยังไหม้ไม่หมด เท้ายังไม่ถูกไฟไหม้ แต่สิ่งที่ผิดสังเกตคือกระดูกขาของหลานหัก 1 ข้าง ที่กะโหลกคล้ายฟันหัก ตำรวจก็ระบุว่าค่อนข้างมีพิรุธ อีกทั้งระหว่างเรียกตัวสามีของหลานไปสอบปากคำ เขาพูดกับพ่อตัวเองว่า "หากติดคุก ให้พ่อมาประกันตัวด้วย" ทั้งนี้ ส่วนตัวยังไม่มีโอกาสคุยกับหลานเขย แต่ค่อนข้างเชื่อว่าเป็นคนก่อเหตุ เนื่องจาก ตอนที่ครอบครัวทราบว่าน้องหายคือวันจันทร์ที่ 13 พ.ค. หลานเขยโทรศัพท์มาหาตน อ้างว่าน้องขับรถจักรยานยนต์หายออกไปจากบ้าน เมื่อครอบครัวโพสต์ตามหา หลานเขยติดต่อมาหาตนทำนองว่าเจอผู้ตายแล้ว ให้ตนลบโพสต์
โดยบางครั้งก็อ้างว่ามีคนโทรมาบอกว่าหลานอยู่ตามสถานที่ต่าง ๆ สุดท้ายก็ไม่พบ อีกทั้งก่อนพบศพ หลานเขยได้แจ้งตนว่า ให้ลองทักเฟซบุ๊กหลานไป หลานออนเฟซบุ๊กอยู่ช่วงตี 4 พร้อมบอกว่า หลานอาจไปอยู่บ้านเพื่อนสักคน ซึ่งตนยังสงสัย เพราะผู้ตายไม่มีโทรศัพท์ นอกจากนี้ เขาอ้างว่าไม่อยากแจ้งความ เพราะกลัวเป็นเรื่องบัดสี กลัวตัวเองจะติดคุก ซึ่งตนก็สงสัยว่าหากไม่ผิดจะกลัวทำไม
นางจรรยา สังข์ทอง แม่ของผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า ตนเองเป็นคนได้คุยกับลูกเป็นคนสุดท้าย คืนก่อนลูกจะหายไป ลูกสาวส่งรูปอาหารให้ดู ซึ่งตนบอกลูกว่าคิดถึง ให้มาหาบ้าง ลูกก็บอกว่าจะมาหา สุดท้ายก็ไม่ได้เจอกัน จนกระทั่งพบศพ ทั้งนี้ ตนเองรู้สึกมีลางสังหรณ์ 3 วันก่อนลูกจะหายไป ตนมีความรู้สึกเหมือนคนใจหาย คล้ายจะเสียของรัก ตอนแรกตนไม่คิดว่าจะเสียลูกสาวด้วยซ้ำ
นอกจากนี้ ช่วงคืนก่อนพบศพ ตนยังฝันเห็นลูกสาว นั่งหันหลังนิ่งไม่พูดจา ตนก็มีความรู้สึกแปลก ๆ ตลอดเวลา อย่างไรก็ตาม วันที่ 12 มิ.ย. นี้ ก็จะเป็นวันเกิดของลูก ครบ 18 ปีบริบูรณ์
นางจรรยา กล่าวทั้งน้ำตาว่า ตอนนี้หากลูกสาวได้ยินแม่อยู่ อยากบอกว่ารัก อยากเจอมากที่สุด คนร้ายก็ขอให้สารภาพ ให้รับผิด ตนไม่ให้อภัย ขอให้ตายตกไปตามกัน