“กีกี้จูโน่ นางฟ้าบ้านนา” ฉะโฆษกห้ามกะเทยรำหน้าไฟ ชี้ขึ้นสวรรค์อยู่ที่กรรม - เด็กรำแอบน้อยใจ (คลิป)

13 พ.ค. 62
จากกรณีโลกโซเชียลมีการแชร์คลิปเหตุการณ์ ในพิธีฌาปนกิจศพที่วัดแห่งหนึ่ง ใน จ.มหาสารคาม ขณะน้องนักเรียนซึ่งเป็นสาวประเภท 2 แต่งชุดนางรำ เพื่อรำหน้าไฟส่งดวงวิญญาณผู้ตายขึ้นสวรรค์ตามประเพณี แต่พิธีกรในงาน ออกมาประกาศทำนองว่า “ห้ามกะเทยรำหน้าไฟเด็ดขาด” เพราะคนตายจะไม่ได้ไปสวรรค์ ซึ่งขณะนั้นได้มีการถ่ายทอดสดผ่านเฟซบุ๊ก และได้มีคนมาแสดงความคิดเห็น ตำหนิการทำหน้าที่ของพิธีกรเป็นจำนวนมาก
ภาพจากคลิปที่แชร์บนโลกออนไลน์
ล่าสุด วันที่ 12 พ.ค. 62 นายพิทยา แข็งฤทธิ์ ครูอัตราจ้างโรงเรียนบ้านหนองกุง ผู้ควบคุมการแสดง กล่าวว่า เด็กกลุ่มนี้เป็นนักเรียนของโรงเรียน และเป็นสาวประเภทสอง ที่มารวมกลุ่มกันแสดงความสามารถทางการฟ้อนรำแบบจิตอาสา เมื่อมีงานพิธีฌาปนกิจศพ หรืองานพิธีต่าง ๆ
นายพิทยา แข็งฤทธิ์ ครูผู้ควบคุมการแสดง
โดยส่วนตัวมองว่าการรำหน้าไฟ ใคร ๆ ก็รำได้ ขึ้นอยู่กับจิตใจของคนรำมากกว่าเรื่องเพศ และรู้สึกไม่พอใจกับคำพูดของพิธีกร เพราะเป็นเหมือนการเหยียดเพศ ทำร้ายจิตใจและความรู้สึกของเด็ก (อ่าน : ดราม่าพิธีกรงานศพห้ามกะเทยรำหน้าไฟ ครูคุมการแสดงโต้อยู่ที่ใจ รำได้ทุกเพศ ขออย่าเหยียด)
ด.ช.รัฐภูมิ ทองยืน หรือ น้องฟิล์ม นางรำจิตอาสา
ด.ช.รัฐภูมิ ทองยืน หรือ น้องฟิล์ม อายุ 13 ปี นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนบ้านหนองกุง เปิดใจว่า ส่วนตัวเป็นคนชอบรำ และชอบทำกิจกรรมตั้งแต่อยู่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 เพราะว่าช่วยเสริมสร้างแรงบันดาลใจให้ตัวเอง และเวลาที่โรงเรียนบ้านหนองกุง มีคนให้เข้ามาช่วยเหลืองานฌาปนกิจ, งานบวช, งานมงคล ตนก็จะไปเข้าร่วมเสมอ น้องฟิล์ม กล่าวว่า จนกระทั่งเมื่อวันที่ 10 พ.ค. ที่ผ่านมา มีงานฌาปนกิจศพ ตนก็ได้ไปรำหน้าไฟ กับนางรำอีก 2 คน แล้วเมื่อพิธีกรพูดว่า “ห้ามกะเทยมารำ” ตอนนั้นภายในใจก็แอบน้อยใจ แต่โชคดีที่มีสติ จึงตัดสินใจรำต่อไป และเมื่อเสร็จงานก็ไม่ได้พูดคุยกับพิธีกรคนดังกล่าว พร้อมกับปรึกษาอาจารย์ และอาจารย์ก็ให้คำแนะนำว่าไม่ต้องคิดมาก ตอนนี้สภาพจิตใจดีขึ้นแล้ว ได้กำลังใจจากครอบครัว อาจารย์ โดยตนยืนยันว่า จะรำเช่นนี้ตลอดไป และความฝันของตนคือ อยากเป็นแอร์โฮสเตสอีกด้วย
นายสุชนัทดา แก้วสง่า เจ้าของเพจกีกี้ จูโน่ นางฟ้าบ้านนา
ด้าน นายสุชนัทดา แก้วสง่า เน็ตไอดอลชื่อดัง เจ้าของเพจ กีกี้ จูโน่ นางฟ้าบ้านนา เปิดเผยว่า ตนรู้สึกไม่พอใจมาก ส่วนตัวคิดว่าการรำหน้าไฟก็คือธรรมเนียม แต่การที่คนเราจะได้ไปสวรรค์หรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับการก่อกรรมดีของผู้ตายมากกว่า มิเช่นนี้ความดีที่ทำมาทั้งชีวิตคงจะไม่มีประโยชน์อะไร หากมีกะเทยมารำหน้าไฟแล้วไม่ได้ขึ้นสวรรค์ตามที่ทางโฆษกวัดบอก ทั้งนี้ ตนเห็นเพื่อนหลายคนที่เป็นกะเทยแล้วเคยรำหน้าไฟมาก่อน หรือแม้แต่การแสดงในสมัยก่อนก็มีการนำผู้ชายมารำ ก็ไม่เห็นจะเป็นอะไร และคำพูดเช่นนี้ทำร้ายจิตใจ เหมือนเป็นการดูถูก ละเมิดสิทธิ์ความเป็นมนุษย์ด้วยกัน นอกจากนี้ มีชาวเน็ตหลาย ๆ คน เข้ามาให้ข้อมูลว่าโฆษกคนดังกล่าว เป็นอาจารย์ หากเป็นจริงตนก็เสียใจมาก ทั้งนี้ อยากจะให้กำลังใจน้อง ๆ ว่า คำพูดไม่กี่คำเพียงเท่านี้อาจจะทำร้ายเราตอนนี้ แต่อยากให้น้อง ๆ เข้มแข็ง ทำตัวเองให้ดี ให้ทุกคนยอมรับ ทุกคนเข้าใจและเป็นกำลังใจให้

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวที่ได้รับความสนใจ