หนุ่มใหญ่ส่องสัตว์ปืนลั่นใส่ใต้คางดับคาป่า เพื่อนยันไม่ได้ฆ่า - ลูกไม่ติดใจ เชื่อเป็นอุบัติเหตุ (คลิป)

จากกรณี เมื่อวันที่ 6 เม.ย. 62 เกิดเหตุ นายภิภพ แก้วประดิษฐ์ หรือ แดง อายุ 55 ปี ถูกยิงกลางป่า หมู่ 5 ต.หาดขาม อ.กุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ เสียชีวิต สภาพถูกกระสุนปืนลูกซองยิงเข้าปากทะลุท้ายทอย ข้างศพพบอาวุธปืนลูกซองเดี่ยวยาว 1 กระบอก และปลอกกระสุนนั้น

วันที่ 7 เม.ย. 62 นายอรัญ ลิ่มมั่น อายุ 60 ปี เพื่อนผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า วันเกิดเหตุ เวลาประมาณ 16.00 น. หลังจากนายแดง ผู้ตาย เลี้ยงวัวเสร็จก็ชักชวนตนเข้าป่า เพื่อไปล่าหมูป่า ซึ่งนายแดงต้องการให้ตนไปทำหน้าที่เป็นคนเฝ้ารถยนต์ของตัวเอง ที่ไร่สับปะรดชายป่า โดยนายแดงเตรียมเสบียงอาหาร และอาวุธปืนลูกซองยาว เบอร์ 12 จำนวน 1 กระบอก

จากนั้น ผ่านไปประมาณ 20 นาที ตนได้ยินเสียงปืนดังขึ้น 1 ครั้ง เข้าใจว่าเป็นการยิงสัตว์ ได้จึงรีบวิ่งเข้าไปดู ระหว่างนั้นตนถามเพื่อนว่า “แดงยิงอะไร” แต่ไม่เสียงตอบรับ จนกระทั่งเดินไปพบว่า นายแดงนอนฟุบอยู่ที่พื้น ตนเข้าใจว่าเพื่อนเป็นลม แต่เมื่อเดินเข้าไปดูใกล้ ๆ พบว่าที่บริเวณปาก มีเลือดออกจำนวนมาก และเพื่อนเสียชีวิตแล้ว จึงรีบแจ้งคนในครอบครัวให้ทราบ แต่จังหวะนั้นรถยนต์ของนายแดงติดป่าสับปะรด ทำให้ตนตัดสินใจวิ่งเข้ามาในหมู่บ้านกว่า 5 กิโลเมตร แล้วแจ้งให้ครอบครัวทราบ

นอกจากนี้ ตนคาดว่าในระหว่างที่นายแดงปีนขึ้นต้นไม้ เพื่อไปส่องสัตว์ จังหวะที่สะพายกล้อง กล้องอาจจะหล่นลงมาแล้วนายแดงก้มลงไปมองที่ปืน เมื่อปืนกระทบพื้นทำให้ปืนลั่นจนเสียชีวิต ทั้งนี้ ตนยืนยันว่าไม่มีส่วนรู้เห็นกับการตาย เพราะไม่เคยมีปัญหาขัดแย้งกัน เชื่อว่าเป็นปืนลั่น ซึ่งตนพร้อมเข้าให้ปากคำและให้เจ้าหน้าที่ตรวจเขม่าดินปืนเพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ และที่ผ่านมาตนเคยไปหาของป่าบ่อยครั้ง บางครั้งเข้าไปหาของป่าด้วย บางครั้งเฝ้ารถยนต์ เบื้องต้น เจ้าหน้าที่มีการแจ้งข้อหาร่วมกันมีอาวุธปืน และเครื่องกระสุนปืนในครอบครอง โดยไม่ได้รับอนุญาต และข้อหาบุกรุกป่าสงวนแห่งชาติ อุทยานกุยบุรี

นายพุฒิพงศ์ แก้วประดิษฐ์ อายุ 26 ปี ลูกชายผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า ทันทีที่ทราบว่าพ่อเสียชีวิต ตนรีบไปดูที่เกิดเหตุ พบศพนอนเสียชีวิตอยู่ในป่าสับปะรดบนเขา สภาพนอนหงาย มีบาดแผลถูกยิงที่ปาก ทะลุท้ายทอย จึงตัดสินใจหามพ่อลงมาจากเขา ก่อนเรียกอาสาสมัครกู้ภัยมูลนิธิหลวงพ่อในกุฏิวัดกุยบุรีมาที่เกิดเหตุทันที

ส่วนตัวมองว่าจากลักษณะการตาย เชื่อว่าเป็นเรื่องอุบัติเหตุ เนื่องจากมีร่องรอยตกจากต้นไม้ และอาวุธปืนคล้ายหล่นมาจากต้นไม้เช่นกัน เพราะยังแขวนอยู่ที่กิ่งไม้ อีกทั้งรอบต้นไม้ ไม่มีร่องรอยความผิดปกติ จึงไม่ติดใจการเสียชีวิต เชื่อว่าไม่มีการจัดฉากแน่นอน ทั้งนี้ ตนมองว่าเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ทำให้เกิดเหตุการณ์นี้ เนื่องจากวันดังกล่าวเป็นวันปล่อยผี แต่พ่อกลับเข้าไปล่าของป่าในช่วงเย็น เจ้าป่าเจ้าเขาอาจลงโทษ ตนจึงได้ขอขมาเจ้าป่าเจ้าเขาแล้ว อย่างไรก็ตาม นายพุฒิพงศ์ ยอมรับว่า ก่อนหน้านี้พ่อเคยต้องข้อหามีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย ซึ่งเคยเตือนไม่ให้ไปล่าสัตว์ แต่พ่อไม่ฟัง จนกระทั่งเกิดเหตุขึ้น ตนรู้สึกเสียใจและยังทำใจไม่ได้