น้ำเหลืองพระบิดา สยองน้ำเหลืองประทินผิว จาก 11 ศพ (คลิป)

จากกรณี น้ำเหลืองพระบิดา ชาวบ้านร้องหมอปลา แม่วัยชราถูกเจ้าสำนักธรรมล้างสมอง หลอกกินฉี่-อึ อ้างรักษาโรค สยองน้ำเหลืองประทินผิว จาก 11 ศพ (คลิป)

วันที่ 8 พ.ค. 65 จากกรณีนางสาวเจนจิรา สุวรรณ อายุ 53 ปี ร้องเรียนมายังหมอปลา เล่าว่า แม่ชื่อนางน้อย แดนคำสาร อายุ 80 ปี ถูกหลานสะใภ้ชวนไปปฏิบัติธรรม ที่อาศรมแห่งในพื้นที่ อ.คอนสาร จ.ชัยภูมิ ตั้งแต่ 1 ปีที่แล้ว อาศรมแห่งนี้จะมีเจ้าสำนัก ชื่อ นายโจเซฟ แต่จะให้คนในอาศรม เรียกแทนตนเองว่า "พระบิดา"

โดยอ้างว่า เจ้าตัวเป็นพระบิดาของทุกศาสนา มีความสามารถในการรักษาโรคภัย และเป็นผู้ที่สร้างโลก สั่งสอนให้ลูกศิษย์ที่อยู่ในอาศรมกว่า 30 ชีวิต ให้กินคราบเหงื่อไคล ขี้ไคล ปัสสาวะ อุจจาระ น้ำลาย เสมหะ และก้นบุหรี่ ของพระบิดา ซึ่งทุกคนในนั้นก็ยอมทำตามเพราะเชื่อว่าคือพระโอสถ สามารถรักษาโรคต่าง ๆ ได้ รวมถึงโควิด-19 รวมถึงยังมีการเอาดินโคลน อุจจาระ และปัสสาวะของพระบิดาที่ได้ถ่ายทิ้งไว้ หากลูกศิษย์คนใดนำมาพอกตัว ก็สามารถรักษาโรคภัยไข้เจ็บได้เช่นกัน โดยไม่ต้องไปหาหมอ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ตะลึงลัทธิอุตริซุก 11 ศพอ้างส่งขึ้นสวรรค์ สยองต่อท่อรองน้ำเหลืองประทินผิว (คลิป)
ลัทธิประหลาด ศิษย์กินฉี่-ขี้ไคลโชว์สื่อ อ้างโอสถชั้นดี ตำรวจรวบเจ้าสำนักสอบหวิดปะทะคนศรัทธา (คลิป)
เจ้าลัทธิซกมกโต้ถุยเสลดเป็นยาสั่งศิษย์กินฉี่อึ สาวกฮือขวางเดือด "อย่าจับพ่อกู" (คลิป)

ล่าสุด หมอปลา มือปราบสัมภเวสี พร้อมเจ้าหน้าที่ ตำรวจ สภ.คอนสาร และทีมงานได้เดินทางไปที่สำนักดังกล่าว เวลาประมาณ 15.00 น. ตำรวจ เจ้าหน้าที่ อปพร. และเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองกว่า 50 คน นำกำลังบุกเข้าไปคุมตัวนายนที เจ้าสำนักทันที

ภายหลังจากที่ทีมหมอปลา ทนายไพศาล และทีมข่าวได้รับอนุญาตเข้าไปตรวจสอบที่หลับนอน ลักษณะเป็นเพลิงพักชั้นเดียว มุงด้วยใบคา เปิดประตูเข้าไป ต้องถอดรองเท้า ภายในมีภาพของพระบิดาเมตไตรยะ หรือ พระบิดา ถัดไปเป็นมุ้งที่นอนจำนวนหลายหลัง ตรงกลางและด้านข้างรายล้อมไปด้วยเศษของเก่า ไม่ว่าจะเป็นถุงกระสอบ ของใช้ในครัวเรือน ถังหมักยา หรือคนในสำนักเรียกว่ามโหสถและอื่น ๆ ที่เต็มไปด้วยฝุ่นและใยแมงมุม

พบโลงศพที่หน้าโลงเขียนชื่อว่า "นางวัล" เป็นโลงศพแก้วสีขาว มีดอกไม้ตั้งวางไว้ ทราบภายหลังว่าโลงศพดังกล่าวเป็นร่างของแม่พระบิดา ส่วนด้านหลังพบว่าเป็นเตียงนอนของพระบิดาอยู่ภายในมุ้งเขียว ด้านข้างมีโลงศพของลูกศิษย์ที่เคารพนับถือ โดยมีทั้งหมด 3 โลง และโลงศพของเด็กทารก 1 โลงด้วย ลักษณะของโลงศพทุกโลงจะมีการเจาะท่อระบายน้ำเหลืองออกมาด้วย จากการเข้าไปยืนใกล้พบว่าส่งกลิ่นเหม็นออกมา

ผู้ปฏิบัติธรรมรายหนึ่ง พาทีมข่าวเข้าไปดูความเป็นอยู่และโลงศพ พร้อมเผยว่าในสำนักแห่งนี้ไม่ได้มีเพียง 4 ศพที่ทีมข่าวเห็น แต่ยังมีอีก 7 ศพ ที่เก็บบรรจุไว้ตามจุดต่าง ๆ ทั้งในกระท่อมและการฝังลอย รวมทั้งสิ้นแล้วมีทั้งหมด 11 ศพ ทุกศพที่นำมาตั้งไว้ที่แห่งนี้มีญาติ ซึ่งญาติได้ยินยอม พร้อมกับมีใบแจ้งตายถูกต้องตามกฎหมายทุกศพ ซึ่งญาติของบางศพก็ได้ปฏิบัติธรรมอยู่ที่สถานที่แห่งนี้

ส่วนการบรรจุศพจะเป็นไปตามกระบวนของทีมแพทย์ มีการใส่ถุงซิปแบบมิดชิด แต่ไม่ได้ฉีดฟอร์มาลีน ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ฉีดฟอร์มาลีนศพก็ไม่ได้ส่งกลิ่นเหม็น แต่ยอมรับว่ามีน้ำเหลือง ซึ่งไหลออกมาไม่มาก เมื่อทีมข่าวขอให้ลูกศิษย์ช่วงเปิดโลงศพให้ตำรวจตรวจสอบดู เพื่อพิสูจน์ว่าข้างในมีศพจริงหรือไม่ เจ้าตัวกลับปฏิเสธอ้างว่าพระบิดาไม่อนุญาต ต้องได้รับคำอนุญาตจากพระบิดาก่อน

ด้านนายอำนาจ นรสาร อายุ 64 ปี ผู้ปฏิบัติธรรม เผยว่า แม่ของตนนั้นได้เสียชีวิตมาแล้ว 3 ปี ด้วยโรควัยชรา ขณะนั้นแม่ของตนอายุ 84 ปี จากนั้นได้ขออนุญาตพระบิดานำร่างของผู้เป็นแม่มาไว้ตรงสถานที่แห่งนี้ เชื่อว่าแม่จะไปสบาย ไม่ได้ทุกข์ทรมาน โดยมีพระบิดาประกอบพิธีให้ ศพไม่ได้ส่งกลิ่นเหม็น และจะเป็นคนตัดสินว่าจะต้องฌาปนกิจศพวันไหน นอกจากนี้ บางวันศพจะส่งกลิ่นหอมออกมาเป็นกลิ่นดอกมะลิ และตามความเชื่อหรือความศรัทธาลูกศิษย์ที่นับถือ ก็จะนำน้ำเหลืองที่หยดออกมาจากศพ ไปชโลมใบหน้าเพื่อเป็นยา

ส่วนตัวแล้วได้มาปฏิบัติธรรมกับพระบิดาประมาณปี พ.ศ.2553 จากการชักชวนของเพื่อนร่วมงาน ตนนั้นมีความทุกข์ และคอยแสวงหาให้พ้นทุกข์ กระทั่งมาพบเจอกับพระบิดา คำสอนของท่านนั้นทำให้ตนนั้นเข้าใจง่าย พร้อมกับชักชวนผู้เป็นแม่เข้ามาศึกษาปฏิบัติธรรมด้วย

นางอำพร จำรัสแนว ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 2 ตำบลดงกลาง เป็นเจ้าของพื้นที่ได้เข้ามาตรวจสอบด้วย และเปิดเผยกับทีมข่าวว่า ศพทุกศพมีการแจ้งตายจริง โดยผู้ใหญ่บ้านได้เซ็นรับรอง ยกเว้นศพของเด็กทารก 1 ปี 7 เดือนที่ไม่มีใครแจ้งให้ทราบ ขณะเดียวกัน 10 ศพที่เหลือมีการแจ้งว่าจะนำไปประกอบพิธีฌาปนกิจศพและฝังตามขั้นตอน แต่ไม่ทราบมาก่อนว่าคนในสำนักแห่งนี้จะแอบเก็บศพเอาไว้ โดยไม่แจ้งให้ทราบ ตนเองตกใจมาก และเพิ่งจะรู้ว่ามีเรื่องแบบนี้ขึ้นในหมู่บ้าน

นางวิลัยวรรณ แม่ของเด็กในโลงศพ บอกว่า ลูกชายของตนเองชื่อ น้องจันทร ตนเองไปตั้งท้องและคลอดลูกที่โรงพยาบาล โดยลูกชายของตนเสียชีวิตเนื่องจากติดเชื้อในกระแสเลือด อย่างไม่ทราบสาเหตุ อายุ 1 ขวบ 17 วัน จากนั้นตนเองด้วยความที่ศรัทธาในพระบิดาอยู่แล้ว หลังจากทำเรื่องแจ้งตายเสร็จ จึงนำศพของลูกชายกลับมาที่สำนัก ก่อนจะปรึกษากับพระบิดาจะทำอย่างไรดี โดยพระบิดาได้ให้คำแนะนำว่าไม่ต้องเผาหรือฝัง และพระบิดาสั่งให้ตนเองเก็บศพของลูกชายใส่โลง บอกว่าจะดูแลให้เอง และเด็กจะได้ขึ้นสวรรค์ ตนเองจึงเชื่อและเอาไว้ที่สำนักมาโดยตลอด

ทีมข่าวถามต่อว่า ช่วงที่ตั้งท้องได้กินฉี่หรืออึหรือไม่ ซึ่งอาจจะทำให้ลูกที่จะเกิดมา ได้รับสิ่งสกปรก และติดเชื้อหรือไม่ ซึ่งนางวิลัยวรรณ มีท่าทีอ้ำอึ้ง และบอกว่าตนเองไม่เคยคิดกินฉี่หรืออึของพระบิดา แต่ไม่ได้บอกว่ากินหรือไม่