หมูแพงทั้งแผ่นดิน ทั่วประเทศปรับราคาขึ้นแตะกิโลกรัมละ 200 บาท ซึ่งถือว่าสูงสุดในปี 2565
วันนี้ (8 พ.ค.65) ซึ่งเป็นวันพระ สมาคมเลี้ยงสุกรแห่งชาติ รายงานสถานการณ์ราคาสุกรมีชีวิตหน้าฟาร์มทั่วประเทศ พบว่า มีการปรับราคาขึ้นเป็นกิโลกรัมละ 100 บาท เท่ากันหมดทั้งประเทศ จากที่ก่อนหน้านี้ เมื่อวันพระที่ 30 เม.ย. 2565 สมาคมเลี้ยงสุกร ประกาศปรับขึ้นราคาหมูหน้าฟาร์ม เฉพาะภาคตะวันตก ภาคตะวันออก ภาคเหนือ และภาคอีสาน อยู่ที่กิโลกรัมละ 100 บาท ส่วนภาคใต้ราคาทรงตัว กิโลกรัมละ 98 บาท
ขณะที่ราคาขายปลีก (หน้าเขียง) ปรับขึ้นไปสูงสุดถึงกิโลกรัมละ 200 บาท เท่ากันทุกภาคเช่นกัน ซึ่งถือว่าสูงสุดในปี 2565 จากงวดก่อนหน้าที่มีภาคอีสานปรับจาก 194-196 บาท เป็น 194-200 บาทหรือปรับขึ้น กก.ละ 6 บาท และภาคตะวันตกปรับจาก 194-196 บาท เป็น 194-200 บาท ปรับขึ้นกิโลกรัมละ 2-6 บาท ภาคเหนือ จาก 190-192 บาท เป็น 198-200 บาท หรือปรับขึ้นกิโลกรัมละ 2-10 บาท ภาคใต้ ปรับจาก 194-196 บาท เป็น 198-200 บาท ปรับขึ้นกิโลกรัมละ 2-6 บาท
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้คณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ (นบขพ.) ได้เสนอ คณะรัฐมนตรีพิจารณายกเว้นเงื่อนไขที่กำหนดให้ผู้ผลิตอาหารสัตว์ที่ต้องการนำเข้าข้าวสาลี 1 ส่วนต้องซื้อข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในประเทศ 3 ส่วน หรือมาตรการ 3:1 เป็นการชั่วคราว ตั้งแต่เดือนพฤษภาคมถึง 31 กรกฎาคม 2565 และเพิ่มโควต้าการนำเข้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์จากเดิม 54,700 ตันเป็นไม่เกิน 600,000 ตัน ในระยะเวลา 3 เดือน (ตั้งแต่เดือนพฤษภาคมถึง 31 กรกฎาคม 2565 ) เพื่อบรรเทาภาระของผู้ผลิตอาหารสัตว์ในเชิงปริมาณ ปรากฏว่ามาตรการดังกล่าวไม่ได้ช่วยให้ราคาอาหารสัตว์ลดลง และต้นทุนผู้เลี้ยงหมูปรับสูงขึ้น ทั้งจากค่าพันธุ์ ค่าอาหารสัตว์ ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าน้ำมัน และปัญหาการฟื้นฟูการเลี้ยงหลัง ASF ยังไม่สามารถเติมซัพพลายกลับมาสู่ระบบได้