กรณีผู้ใช้เฟซบุ๊ก "Pakpisit Saykrasoon" โพสต์เรื่องราวเพื่อเตือนภัยเทรนเนอร์ด้วยกัน และหวังเป็นอุทาหรณ์เมื่อรับงานเทรนให้ลูกค้าที่บ้าน ควรจะระมัดระวังตัวให้มาก ๆ พร้อมระบุว่า "โพสต์นี้จะสรุปเรื่องโดนวางยานะครับ #เตือนภัยเทรนเนอร์โดนวางยา มีคนติดต่อเทรนเข้ามาใหม่ ย่านพุทธบูชา"
ล่าสุดวันที่ 7 เม.ย. 65 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ลงพื้นที่ไปพูดคุยกับ นายภักดิ์พิสิฐ สายกระสุน อายุ 30 ปี เทรนเนอร์คนดังกล่าว เปิดเผยว่า ในวันนี้ตนเดินทางเข้าร้องทุกข์กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.สำราญราฎร์ โดยปกติแล้วตนจะรับเทรนออกกำลังกายส่วนตัว มีทั้งในสถานที่และนอกสถานที่ แต่ลูกค้าคนนี้เป็นชายวัยกลางคน ทราบชื่อ "เอก" อายุประมาณ 50 ปี ติดต่อเข้ามาให้ตนไปสอน 10 ครั้ง ส่วนในครั้งนี้เป็นครั้งที่ 3 เพราะถ้าลุกค้าไม่ชอบการเทรนก็จะได้เปลี่ยนไปเทรนกับคนอื่น
ในครั้งที่ 1-2 ระหว่างวันที่ 23-24 มี.ค.65 ตนไปสอนที่ฟิตเนสในโรงแรมแห่งหนึ่ง ย่านสีลม 2 ครั้ง นายเอกจะจดสถิติเพราะกำลังทำวิจัย อีกทั้งยังชักชวนให้ตนดูดวง แต่ต้องปิดทองตามร่างกาย ตนก็พยายามไม่ตอบแชต และจะพูดคุยแค่เรื่องออกกำลังกายเท่านั้น
แต่ว่าในครั้งที่ 3 ตรงกับวันที่ 4 เม.ย.65 ลูกค้าให้ไปเทรนที่หมู่บ้านแห่งหนึ่ง ภายในซอยพุทธบูชา 39 กทม. ซึ่งตนเข้าใจว่าน่าจะเป็นยิมส่วนกลางของหมู่บ้าน แต่กลายเป็นบ้านของนายเอก และอุปกรณ์ก็มีไม่กี่อย่างเท่านั้น เขาให้เหตุผลตนว่าไม่อยากใช้ฟิตเนสส่วนรวม เพราะอาย และอายุมากแล้ว ตนก็ค่อนข้างวางใจ
ทั้งนี้ บนโต๊ะในห้องยิมของนายเอก มีน้ำส้มอยู่ 1 ขวดวางไว้ ซึ่งนายเอกบอกว่าดื่มน้ำส้มได้ เพราะเตรียมไว้ให้ ตนก็หยิบขึ้นมาเปิดฝาขวดน้ำส้ม พบว่าไม่มีเสียงล็อกของฝาน้ำ สภาพไม่สมบูรณ์เหมือนมีการเปิดฝาไว้แล้ว จึงทำท่าเหมือนกระดกแต่ไม่ได้ดื่มจริง ๆ เพราะกลัวว่านายเอก จะมองว่ารังเกียจ
ในระหว่างที่มีการสอนออกกำลังกาย นายเอก สวมกางเกงว่ายน้ำตัวเดียว ด้วยความสงสัยตนจึงนำน้ำส้มขวดนั้นกลับบ้านมาด้วย เพราะถ้ามียาใส่ลงไปจริง จะได้ไม่ไปรอบที่ 4 เมื่อกลับมาถึงบ้านตนก็ดื่มน้ำส้มเกือบครึ่งขวดเพื่อชิมรสชาติ หลังจาก 15 นาที ตนก็มีอาการเวียนศีรษะ บ้านหมุน ร้อนวูบวาบ จึงรีบโทรศัพท์บอกแฟนสาวว่า เหมือนจะโดนวางยา ก่อนจะล้มลงและหลับไป
หลังจากเกิดเหตุ แม่ของตนพาไปพบแพทย์ แต่แพทย์แนะนำว่าให้แจ้งตำรวจก่อน เพื่อไปตรวจร่างกาย ส่วนนายเอก ยังไม่รู้เรื่อง เขาก็ยังส่งรูปภาพอนาจารมาในแชตไลน์ แล้วก็มีการกดยกเลิกส่ง แต่ตนได้แคปภาพไว้เป็นหลักฐานแล้ว นายเอกอ้างว่าส่งผิด
"วันนี้ผมเดินทางมาเพื่อมาร้องทุกข์กับเจ้าที่ตำรวจ เพราะผมอยากให้ตรวจสิ่งแปลกปลอมในเครื่องดื่มครับ และในร่างกายของผมด้วย จึงอยากจะเตือนภัยสำหรับเทรนเนอร์ที่รับลูกเทรนนอกสถานที่ ว่าให้ระมัดระวังอย่างมาก ๆ เลย ขนาดผมเป็นผู้ชายยังโดนขนาดนี้ ถ้าเป็นเทรนเนอร์ผู้หญิงจะทำอย่างไร" นายภักดิ์พิสิฐ กล่าวทิ้งท้าย
ขณะเดียวกันทีมข่าวพูดคุยกับ นางสาวณิชากร คูหาจิต อายุ 31 ปี แฟนสาวของผู้เสียหาย กล่าวว่า ที่ผ่านมา แฟนของตนทำงานรับจ้างเป็นเทรนเนอร์แบบส่วนตัว ก็ค่อนข้างระมัดระวังตัวอยู่แล้ว และไม่เคยมีปัญหาลักษณะแบบนี้ โดยวันเกิดเหตุแฟนของตนโทรศัพท์มาแจ้งว่าถูกวางยา ตนก็เข้าใจว่าแกล้งเล่น จึงไม่ได้รีบกลับบ้าน แต่พอกลับมาถึงบ้านเห็นว่าเขานอนหลับอบู่บนเตียง นอนยาวจนถึงเช้าก็ยังไม่ตื่น มีความผิดปกติคือน้ำลายฟูมปาก ทั้ง ๆ ที่ปกติไม่เคยเป็นแบบนี้
กระทั่งเวลา 14.00 น. แฟนของตนตื่นมาพร้อมมีอาการเวียนหัวและอาเจียน ตนจึงโทรศัพท์ไปบอกแม่แฟนหนุ่ม เพราะตนต้องไปทำงาน ในระว่างนั้นแฟนของตนก็หลับยาว พอตื่นมาก็อาเจียนซ้ำ ๆ ตนถึงเชื่อว่าเขาโดนวางยาจริง ๆ พอมาฟังเรื่องราวในภายหลัง ก็รู้สึกตกใจ เคยเห็นแต่ในละคร ไม่คิดว่าจะเกิดขึ้นจริง จึงอยากให้เป็นอุทาหรณ์และให้คนที่มีอาชีพเทรนเนอร์ระมัดระวังตัวมากขึ้น
ขณะเดียวกันทีมข่าวเดินทางไปยังบ้านของนายเอก ผู้ถูกกล่าวหา พบเป็นบ้านทาวน์โฮม 2 ชั้น โดยทีมข่าวกดกริ่งเรียกอยู่นาน นายเอกมีท่าทีตกใจ และปฏิเสธว่าคนก่อเหตุไม่ใช่ตัวเอง ก่อนจะรีบปิดประตูบ้านโดยไม่ออกมาชี้แจงใด ๆ
อย่างไรก็ตาม พ.ต.อ.ภัสพงษ์ บุตรไทย ผกก.สน.ราษฎร์บูรณะ ให้ข้อมูลว่า ผู้เสียหายได้เข้ามาร้องทุกข์กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อให้ตรวจสารปนเปื้อนในร่างกายที่โรงพยาบาลตำรวจ ส่วนน้ำส้มจะส่งตรวจไปยังกองพิสูจน์หลักฐาน หากพบว่ามีสารปนเปื้อนในร่างกายและในน้ำส้มจริง ก็จะนำหลักฐานดังกล่าวมาดำเนินคดีกับผู้ก่อเหตุ หลังการสอบปากคำอีกครั้ง
รศ.ดร.วีรชัย พุทธวงศ์ หรือ อาจารย์อ๊อด ประจำภาควิชาเคมี คณะศิลปศาสตร์และวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เปิดเผยว่า อาการของเทรนเนอร์คนดังกล่าว คล้ายกับโดนยาเสียสาว ซึ่งอาจจะเป็นสารไซลาซีนซึ่งเป็นยาสลบที่ใช้ในสัตว์เวลาทำการผ่าตัด แต่เมื่ออยู่ในร่างกายของมนุษย์จึงมีอาการเวียนศีรษะและอาเจียน ถ้าอยู่ในร่างกายในอัตราที่มากไปก็เสี่ยงถึงขั้นเสียชีวิต
"เคสแบบนี้ก็เคยพบในผู้เสียหายรายหนึ่ง ที่ถูกวางยาในเครื่องดื่มขณะที่ไปออกกำลังกายที่สวนสาธารณะ ในจังหวัดนนทบุรี โดยมีการใช้เข็มเจาะเข้าไปในขวดน้ำ ทำให้สภาพขวดน้ำดูปกติจนไม่มีใครสงสัย และเคสนี้ผมก็เชื่อว่าจะต้องมีสารแปลกปลอมแน่นอน จึงอยากให้นำน้ำส้มไปตรวจที่โรงพยาบาลตำรวจ หรือโรงพยาบาลรามาธิบดี หรือจะนำมาให้ผมตรวจก็ได้ และขอให้น้องเทรนเนอร์รักษาตัวเองให้ปลอดภัย" อาจารย์อ๊อด กล่าวแนะนำ
