กรณีพนักงานสอบสวน สน.ปทุมวัน รับแจ้งเหตุมีผู้เสียชีวิตภายในหอพักไม่มีชื่อ บริเวณถนนจรัสเมือง แขวงรองเมือง เขตปทุมวัน จึงรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุที่ห้องพักชั้น 2 ภายในพบศพถูกห่อด้วยผ้าขาวมิดชิด เจ้าหน้าที่จึงเปิดออกทราบว่าผู้เสียชีวิตเป็นผู้หญิง 1 ราย ทราบชื่อต่อมา น.ส.เกศสุดา ศรีวรกุล อายุ 36 ปี มีบาดแผลฉกรรจ์ที่ศีรษะ
ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ตำรวจ สืบทราบว่าพบผู้ก่อเหตุ คือ นายเชย ดัชถุยาวัตร อายุ 70 ปี อาชีพขับรถแท็กซี่ ซึ่งภายหลัง นายเชย ได้ยอมรับสารภาพว่า เป็นผู้ลงมือก่อเหตุฆ่า น.ส.เกศสุดา แต่อ้างว่าทำไปเพราะหึงหวงฝ่ายหญิง
ล่าสุดวันที่ 5 เม.ย.65 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดบริเวณหน้าหอพัก เวลา 10.50 น. จับภาพขณะน.ส.เกศสุดา นั่งแท็กซี่มาลงหน้าหอพัก จากนั้นเดินเข้าไปข้างในหอพัก ต่อมาช่วงหลังเกิดเหตุ เวลา 21.02 น. นายเชย ขับรถแท็กซี่มาจอดหน้าหอพัก แล้วเดินเข้าไปในหอพักพร้อมนายอดุลย์ คนขับรถสามล้อ
เวลา 21.05 น. นายอดุลย์ เดินลงมาข้างล่าง ก่อนนายเชย จะเดินตามลงมาและเข้าไปคุยกับเพื่อนบ้าน จากนั้นเวลา 21.06 น. นายเชย นายอดุลย์ คนขับรถสามล้อ และนายไชยา เพื่อนบ้าน เดินขึ้นไปบนหอพัก และเวลา 21.07 น. นายอดุลย์ และนายไชยา ลงมาข้างล่าง ก่อนนายเชย จะเดินตามมา นายอดุลย์จึงคืนเงินค่าจ้าง 200 บาทให้นายเชย หลังจากนั้นกล้องอีกมุมจับภาพนายเชย ขับรถแท็กซี่ออกไปจากพื้นที่ เพื่อไปตามคนอื่นมาช่วยยกศพในห้อง เวลา 23.42 น. เจ้าหน้าที่ยกศพออกมาจากที่เกิดเหตุ
ทีมข่าวลงพื้นที่จุดเกิดเหตุ พบว่าห้องเช่าชั้น 2 ภายในห้องเปิดโล่ง ไม่มีเตียงแล้ว มีเพียงเสื้อผ้าแขวนไว้ข้างห้อง บริเวณพื้นมีคราบเลือดติดอยู่ สอบถามนายไชยา พรมมา อายุ 48 ปี เพื่อนบ้าน เล่าให้ฟังว่า เวลาประมาณ 21.00 น. นายเชย ผู้ก่อเหตุ และนายอดุลย์ คนขับรถสามล้อ เดินมาร้องเรียกให้ตนช่วยขึ้นไปขนพระพุทธรูปในห้องนอนของนายเชย เพราะแบกกัน 2 คนไม่ไหว ตนจึงเดินขึ้นไปพร้อมกัน 3 คน
เมื่อไปถึงพบว่าห้องปิดไฟค่อนข้างมืด ตนจึงบอกให้นายเชย เปิดไฟ แต่เขากลับเงียบ ตนจึงเดินเข้าไปมองสิ่งของที่เขาจะให้ตนช่วยยก แต่เมื่อมองดูแล้วพบว่ามีลักษณะห่อมิดชิดเหมือนศพคน ตนมั่นใจว่าไม่ใช่พระพุทธรูปอย่างแน่นอน จึงรีบวิ่งลงมาข้างล่าง ก่อนจะโทรศัพท์แจ้งผู้ดูแลหอพักให้เข้าไปตรวจสอบ
ขณะที่ นายอดุลย์ มณีโคตร อายุ 47 ปี คนขับรถสามล้อรับจ้าง เปิดเผยว่า นายเชย ว่าจ้างให้ตนไปช่วยขนของจากที่ห้องพักในราคา 200 บาท อ้างว่าเป็นพระพุทธรูป ซึ่งตนก็ตกลงรับงานเพราะรู้จักกับนายเชย ในฐานะลูกค้าที่เคยรับส่งที่หอพักอยู่แล้ว เมื่อเข้าไปที่ห้องพักของนายเชยพบว่าปิดไฟมืด แทบจะมองไม่เห็นด้านในห้อง ตนกับนายเชยช่วยกันยกสิ่งของ แต่ตนรู้สึกว่านิ่มกว่าที่จะเป็นพระพุทธรูป และน่าจะเป็นศพมนุษย์
โดยจุดที่ตนจับน่าจะเป็นส่วนขา จึงรีบลงมาตามคนข้างล่างให้ขึ้นไปช่วยกันดูว่าใช่ศพมนุษย์หรือไม่ จากนั้นนายไชยา ขึ้นไปช่วยจนมั่นใจว่าเป็นศพแน่นอน จึงวิ่งลงมาพร้อม ๆ กัน เมื่อลงมาหน้าพอพักตนรีบนำเงิน 200 บาท ส่งคืนให้กับนายเชยทันที เพราะกลัวว่าจะมีความผิดฐานสมรู้ร่วมคิด จากนั้นทราบว่านายเชย พยายามขับรถไปตามคนอื่น ๆ ให้มาช่วยยกศพ แต่ผู้ดูแลหอพักโทรศัพท์แจ้งตำรวจเข้ามาก่อน จึงสามารถจับกุมตัวนายเชย เอาไว้ได้สำเร็จ
ด้านนางดารุณี คนหาญ อายุ 53 ปี แม่ผู้เสียชีวิต กล่าวว่า ตนเคยเจอนายเชย 3 ครั้ง ครั้งแรกช่วงต้นเเดือนมีนาคม 65 ขับรถแท็กซี่มาส่งลูกสาวที่บ้านย่านอ่อนนุช ครั้งที่ 2 ในวันที่ 20 มีนาคม 65 นายเชย มาหาลูกสาวตนกลางดึกที่บ้าน และครั้งสุดท้ายในวันที่ 2 เมษายน 65 นายเชย มาพร้อมกับลูกสาว และบอกตนว่าจะเก็บเงินสัก 30,000-40,000 บาท เพื่อมาสู่ขอ น.ส.เกศสุดา
ทั้งนี้ ตนก็บอกไปแล้วว่าลูกสาวตนคงไม่สนใจ เพราะไม่ได้คิดจะลงหลักปักฐานที่ไหน ชอบเที่ยวไปเรื่อย ๆ กระทั่งในคืนเกิดเหตุเมื่อตนทราบเรื่องก็รีบเดินทางมาที่เกิดเหตุในทันที ตนมองว่าน่าจะเป็นเรื่องความหึงหวง ทำให้นายเชย ลงมือก่อเหตุกับลูกสาวของตนแบบนี้ ที่ผ่านมา ตนมองว่านายเชย คิดไปเองคนเดียว เพราะลูกสาวของตนไม่น่าจะมีใจให้ ทำให้เขาโกรธแค้นหรือไม่ ส่วนเรื่องคดีตนปล่อยให้เป็นหน้าที่ของตำรวจ ตนไม่อยากอาฆาตแค้น และจะพยายามคิดว่าเป็นชะตากรรมของลูกสาวที่ต้องมาพพเจอเรื่องแบบนี้
นายจรูญ จันทร์ประสิทธิ์ อายุ 55 ปี ผู้ดูแลหอพักแห่งนี้ ให้สัมภาษณ์ว่า เวลาประมาณ 21.00 น. มีเพื่อนบ้านโทรศัพท์เข้ามาแจ้งให้ไปตรวจสอบในห้องของนายเชย เพราะมีศพอยู่ด้านใน ตนพักอยู่ห้องติดกันจึงเดินไปดูทันที พบว่าขณะนั้นไฟเปิดอยู่ มีผ้าห่อลักษณะคล้ายร่างคนอยู่กลางห้อง จึงเข้าไปดูใกล้ ๆ พร้อมแตะ ๆ ดูปรากฏว่านิ่มจึงมั่นใจว่าเป็นศพมนุษย์ จึงรีบโทรศัพท์แจ้งตำรวจทันที
ทั้งนี้ นายเชย มีอาชีพขับรถแท็กซี่ เพิ่งเข้ามาเช่าห้องอยู่ได้ประมาณ 2 เดือน ก่อนหน้านี้ก็เห็นผู้เสียชีวิตมาหานายเชย เป็นประจำ ๆ ทุกสัปดาห์ และมักจะมีปากเสียงกัน แต่ช่วงเกิดเหตุตนไม่ได้ยินเสียง เพราะเหตุเกิดช่วงกลางวันซึ่งตนไม่ได้อยู่ที่ห้อง
ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางไปที่หมู่บ้านหนองเหล็ก หมู่ 10 ตำบลหนองขวาว อำเภอศีขรภูมิ จังหวัดสุรินทร์ จึงได้ไปพบกับนางวันดี อายุ 62 ปี อดีตภรรยาของผู้ก่อเหตุ กล่าวว่า ตนเลิกกับสามีได้เกือบ 16 ปีแล้ว แต่มีลูกด้วยกันทั้งหมด 4 คน ตนเพิ่งทราบข่าวเมื่อช่วงเช้า เพราะลูกสาวที่กรุงเทพฯ โทรศัพท์มาบอกว่า "พ่อไปฆ่าผู้หญิงตายนะ" ตนยอมรับว่าตกใจมาก ๆ และไม่คิดว่าสามีจะไปก่อเหตุอย่างโหดเหี้ยมเช่นนี้
นอกจากนี้ พฤติกรรมของสามี ก่อนที่จะเลิกลากัน เขาเป็นคนเจ้าชู้ และอารมณ์ร้อน ดื่มเหล้าหนักมาก ๆ และมีพฤติกรรมชอบทำร้ายผู้หญิง ในช่วงที่ตนอยู่กินด้วยกัน สามีควงผู้หญิงเข้าโรงแรมแทบไม่ซ้ำหน้า และยังเคยนำสาวคนอื่นเข้ามานอนในบ้านด้วย ตนจะเข้าไปไล่ผู้หญิงออกจากบ้าน ก็ถูกสามีตบและเตะจนตนทนไม่ไหวตัดสินใจขอเลิกในที่สุด
พ.ต.อ.พันษา อมราพิทักษ์ ผกก.สน.ปทุมวัน ให้ข้อมูลว่า ในเบื้องต้นผู้ต้องหาให้การรับสารภาพอ้างว่า ทำไปเพราะหึงหวง ประกอบกับเรื่องสมรรถนะทางเพศที่ไม่เท่ากัน ด้วยช่วงห่างของอายุจึงตัดสินใจก่อเหตุ จากการซักถามทราบว่าผู้ต้องหารู้จักกับผู้ตายมา 3-4 เดือนแล้ว มีการไปมาหาสู่กันเสมอ ๆ ก่อนเกิดเหตุนัดหมายให้ผู้หญิงมาหาที่ห้อง และจ่ายเงินให้จำนวน 1,000 บาท ก่อนจะมีปากเสียงกัน จึงใช้ค้อนทุบไปที่ศีรษะต่อเนื่องใบหน้า 3-4 ครั้ง และทุบบริเวณขา รวมถึงลำตัว จนฝ่ายหญิงแน่นิ่ง จากนั้นจึงเช็ดล้างทำความสะอาดคราบเลือด ก่อนใช้ผ้าปูที่นอนมาห่อศพ ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นตั้งแต่ช่วงก่อน 13.00 น. ก่อนจะออกไปเรียกคนขับรถสามล้อให้มาช่วยขนย้ายศพช่วงกลางคืน แต่คนขับสามล้อรู้ทัน และมีการแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปตรวจสอบ เบื้องต้นแจ้งข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา และนำตัวนายเชย ฝากขังเรียบร้อยแล้ว
