กรมวิทย์ฯ พบ 1 ราย เข้าข่ายโควิดลูกผสม XJ ยันยังไม่มีภูมิคุ้มกันเข้าข้างไวรัส

5 เม.ย. 65

กรมวิทย์ฯ สธ.เผย ไทยพบหนุ่มเดลิเวอรี่ ติดเชื้อโควิดโอมิครอนลูกผสม ใกล้เคียง XJ แล้ว 1 ราย ยืนยันยังไม่พบการเกิดภูมิคุ้มกันเข้าข้างไวรัส ตามที่มีการแชร์ในโลกออนไลน์

วันที่ 4 เม.ย.65 ที่ศูนย์แถลงข่าวสถานการณ์โควิด-19 กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ พร้อมด้วย นพ.บัลลังก์ อุปพงษ์ รองอธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ แถลงเรื่อง การเฝ้าระวังสายพันธุ์โควิด-19

ไทยพบโควิดโอมิครอนลูกผสม XE และ XJ อย่างละ 1 ราย 

นพ.ศุภกิจกล่าวว่า จากการเฝ้าระวังสายพันธุ์โควิด-19 ระหว่างวันที่ 26 มี.ค. - 1 เม.ย. 2565 จำนวน 1,933 ราย พบว่าเป็นโอมิครอน 99.84% โดยเป็นสายพันธุ์ย่อย BA.2 มากขึ้นถึง 92.2% และในอนาคตอันใกล้ BA.1 อาจจะหายไป ส่วนการเกิดการกลายพันธุ์เป็นธรรมชาติของไวรัส ซึ่งการติดเชื้อจำนวนมากจะมีโอกาสเกิดการกลายพันธุ์ได้

การติดเชื้อ 2 สายพันธุ์ขึ้นไปในคนเดียว (Mixed Infection) จะมีโอกาสเกิดการผสมพันธุ์เป็นตัวใหม่หรือ “ไฮบริด” ซึ่งมีระบบการเรียกโดยใช้ X นำหน้า ขณะนี้มีประมาณ 17 ตัว ตั้งแต่ XA ถึง XS แต่ในระบบเฝ้าระวังของโลกคือ GISAID มีการยอมรับว่าเป็นลูกผสมจริง 3 ตัว คือ XA, XB และ XC

นพ.ศุภกิจ กล่าวต่อว่า สำหรับไวรัสที่พบตั้งแต่ XD ลงไป ยังอยู่ในขั้นที่ต้องวิเคราะห์ข้อมูลมากขึ้นก่อนจะสรุปได้ว่าเป็นตัวใหม่จริง ทั้งนี้ พบว่าสายพันธุ์ลูกผสมหลายตัวมาจากโอมิครอนสายพันธุ์ย่อย BA.1 + BA.2 เช่น XE XG XH XJ เป็นต้น โดยพบในประเทศที่แตกต่างกัน แต่ที่ต้องกำหนดชื่อแตกต่างกันเนื่องจากมีรหัสพันธุกรรมแตกต่างกัน และตำแหน่งที่ผสมไม่ตรงกัน

กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์มีการถอดรหัสพันธุกรรม เพื่อเฝ้าระวังสายพันธุ์สัปดาห์ละ 500-600 ราย พบว่า มี 1 ราย ที่ใกล้เคียงกับ XJ ที่พบครั้งแรกในฟินแลนด์ ซึ่งเป็น BA.1 + BA.2 เช่นกัน โดยเป็นผู้ป่วยชายไทย อายุ 34 ปี อาชีพพนักงานขนส่ง ซึ่งมีโอกาสพบเจอคนจำนวนมาก ทำให้มีโอกาสติดเชื้อ 2 สายพันธุ์ขึ้นไปในคนเดียวได้ง่าย และมีโอกาสผสมพันธุ์เป็นตัวใหม่

โดยส่งตัวอย่างมาจากโรงพยาบาลแห่งหนึ่งใน กทม. ตรวจพบตั้งแต่วันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2565 มีประวัติฉีดวัคซีน 2 เข็ม ซึ่งผู้ป่วยรายนี้รักษาหายเป็นปกติแล้ว และกรมฯ ได้ส่งข้อมูลไปยัง GISAID ซึ่งต้องรอการวิเคราะห์ข้อมูลอีกมากก่อนจะสรุปว่าเป็นลูกผสมจริงหรือไม่ และอาจจะใช้ชื่อ XJ หรือไม่ก็ได้

“สำหรับสายพันธุ์ XJ ยังไม่มีข้อมูลเรื่องการแพร่เร็วหรือรุนแรง เพราะเบื้องต้น จะต้องตรวจหาตำแหน่งที่มีการเปลี่ยนแปลงรหัสพันธุกรรมก่อน และมาพิจารณาว่าตำแหน่งที่เปลี่ยนนั้นมีโอกาสหลบภูมิ ทำให้รุนแรง หรือแพร่เร็วมากขึ้นหรือไม่

ดังนั้น ประชาชนยังไม่ต้องกังวลเรื่องสายพันธุ์ลูกผสม ส่วนสายพันธุ์ย่อย BA.2 ที่กำลังเกิดขึ้นในขณะนี้ มีการแพร่เชื้อเร็ว ทำให้มีโอกาสติดเชื้อมากขึ้น จึงขอให้หลีกเลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยงและป้องกันตนเองอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะเรื่องการสวมหน้ากากอนามัย และหลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารร่วมกัน รวมถึงต้องฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นเพื่อเพิ่มภูมิคุ้มกัน”
นพ.ศุภกิจกล่าว

ภาวะภูมิคุ้มกันเข้าข้างไวรัส ยังไม่พบการเกิด-ข้อมูลยังไม่ชัดเจน 

นพ.บัลลังก์ อุปพงศ์ รองอธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เปิดเผยถึงกรณีการส่งต่อข้อมูลในโลกออนไลน์ ประเด็น ภูมิคุ้มกันเข้าข้างไวรัส โดยระบุว่า ก่อนที่บริษัทผู้ผลิตวัคซีนจะขอขึ้นทะเบียนในแต่ละประเทศ จะต้องมีการตรวจสอบอย่างถี่ถ้วนว่า อาสาสมัครที่ได้รับวัคซีนจะต้องไม่เกิดภาวะส่งเสริมให้ไวรัสเพิ่มจำนวนในร่างกายจนเกิดอาการรุนแรง เมื่อภูมิคุ้มกันลดลง หรือที่เรียกว่าภาวะ VAED (Vaccine-associated enhanced disease)

ทั้งนี้ ผู้ผลิตจะต้องได้รับการพิจารณาอย่างถี่ถ้วนจากหน่วยงานที่ควบคุมกำกับด้านกฎหมายของวัคซีนแต่ละประเทศ ซึ่งในประเทศไทยคือ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา(อย.) หลังจากการตรวจสอบข้อมูลทั้งหมดทั้งในไทยและต่างประเทศ ปัจจุบันยังไม่เกิดภาวะ VAED หรือภาวะส่งเสริมให้ไวรัสเพิ่มจำนวนในร่างกายจนเกิดอาการรุนแรง เมื่อภูมิคุ้มกันลดลง ภายหลังได้รับวัคซีนทั้ง 1, 2 และ 3 เข็ม เพราะฉะนั้นขออธิบายว่า ภาวะภูมิคุ้มกันเข้าข้างไวรัส ไม่มีข้อมูลที่ชัดเจนเพียงพอ

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

ดร.อนันต์ ชี้ อย่ากลัวโอมิครอนสายพันธุ์ลูกผสม XE มากกว่า BA.2 ที่มีอยู่เต็มเมือง
พบในไทยแล้ว 1 ราย โควิดโอมิครอน ลูกผสม XE แพร่เร็วกว่าทุกสายพันธุ์
หมอธีระเตือน เคยป่วยโควิดแล้วอย่าย่ามใจ โอมิครอนติดซ้ำมากกว่าเดลตา 10 เท่า

advertisement

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวทั่วไป เป็นกระแส