เชียร์ ถาม ผู้การแต้ม คดีของ แตงโม นิดา สามารถเปลี่ยนพนักงานสอบสวนได้หรือไม่

เชียร์ ฑิฆัมพร ยิงคำถาม ผู้การแต้ม คดีของเพื่อนสนิท แตงโม นิดา สามารถเปลี่ยนพนักงานสอบสวนได้หรือไม่ ยอมรับไม่เชื่อใจในกระบวนการสอบสวน

เมื่อเวลา 12.30 น. พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ หรือ ผู้การแต้ม อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เจ้าของฉายา มือปราบหูดำ และ พ.ต.อ.วิรุตม์ ศิริสวัสดิบุตร อดีตรองผู้บังคับการจเรตำรวจ ได้ร่วมให้ข้อมูลในเป็นประเด็น ข้อกฎหมาย การสืบสวนสอบสวน รวมถึงประเด็นการเสียชีวิตของ แตงโม นิดา ผ่านทางรายการโหนกระแส โดยมี แต๊งค์ พงศกร มหาเปารยะ อดีตแฟนหนุ่ม และ เชียร์ ฑิฆัมพร ฤทธาอภินันท์ เพื่อนสนิทของแตงโม เข้าร่วมพูดคุยด้วย

เชียร์ ได้ตั้งคำถามว่า ทำไมวันเกิดเหตุตำรวจถึงได้ปล่อยให้กลุ่มคนในเรือ นำเรือไปเก็บที่อู่ ไม่อายัดเอาไว้ ซึ่ง ผู้การแต้ม ได้อธิบายว่า การเก็บพยานหลักฐานนั้น เป็นอำนาจของ พฐ. หากมีใครนำไปเก็บไว้โดยพลการ อาจมีความผิดทางกฎหมายได้ ซึ่งตอนเกิดเหตุนั้นทีม พฐ.ยังไม่ถึง ตำรวจจึงต้องปล่อยให้นำเรือไปเก็บที่อู่ ส่วนเรื่องที่ว่าทำไมตำรวจถึงไม่พูดรายละเอียด และหลักฐานต่างๆ ออกมาทั้งหมด เพราะบางคำพูดอาจส่งผลกระทบต่อรูปคดีได้ในชั้นศาลหรือชั้นสอบสวน

ด้าน พ.ต.อ.วิรุตม์ เผยอีกว่า กระบวนการด้านสืบสวนสอบสวนของไทย มีความผิดพลาด และบกพร่องอยู่เสมอ ซึ่งเจ้าหน้าที่จะต้องมีการปรับปรุงให้รัดกุมมากยิ่งขึ้น เช่น เรื่องที่สังคมตั้งคำถามว่า หลังเกิดเหตุ ทำไมปล่อยให้คนขับเรือนำเรือไปเก็บที่อู่ เป็นต้น

ด้าน แต๊งค์ เผยว่าตนไม่ได้ต้องการปรักปรำว่ามีการฆาตกรรม สิ่งที่ตนโกรธที่สุดคือทำไมคนบนเรือถึงไม่ช่วยเพื่อนที่ไปด้วยกัน และพฤติกรรมของ กระติก ก็ค่อนข้างแปลก โทรมาหาตนให้ลบโพสต์ จึงอยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจช่วยสืบสวนเรื่องนี้ให้ถึงที่สุด และมีความกังวลส่วนตัวเนื่องจากกลุ่มบุคคลที่อยู่บนเรือ เป็นผู้มีฐานะทางสังคม จึงหวั่นว่าอาจเกิดการเลือกปฏิบัติจากเจ้าหน้าที่

ด้าน เชียร์ ได้ถามเพิ่มเติมว่า หากประชาชนไม่เชื่อใจตำรวจที่รับผิดชอบสำนวนคดีนั้น สามารถเปลี่ยนพนักงานสอบสวนได้หรือไม่ อดีตตำรวจทั้งสองนายเผยว่า ต้องมีเหตุและผลในการเปลี่ยน จึงจะสามารถเปลี่ยนตัวได้ เช่น พนักงานสอบสวนรับเงิน ดำเนินคดีไม่เป็นกลาง ฯลฯ แต่ถ้าจะให้เหตุผลว่าไม่เชื่อใจ นั่นเป็นเรื่องของความรู้สึก

หนุ่ม กรรชัย พิธีกร ได้ถามผู้การแต้มว่า เชื่อหรือไม่ว่า แตงโม ไปปัสสาวะที่ท้ายเรือ ซึ่งผู้การแต้ม เผยว่า ตนคิดว่าอาจจะเป็นไปได้ ตอนนี้ต้องเชื่อไว้ก่อนเพราะยังไม่มีหลักฐานอะไรที่แน่ชัด ประกอบกับอาจจะต้องไปพิสูจน์ในเรื่องของบาดแผล เพราะตำแหน่งที่ระบุว่าไปนั่งท้ายเรือนั้นค่อนข้างใกล้กับใบพัดเรือ ส่วน พ.ต.อ.วิรุตม์ ก็ระบุเช่นกันว่า มีสิทธิเป็นไปได้ เนื่องจากคำให้การที่ว่า แตงโมไม่ได้เข้าห้องน้ำเลยหลังจากรับประทานอาหารที่ร้านอาหาร แล้วมาขึ้นเรือนานหลายชั่วโมง อาจทำให้ปวดปัสสาวะ ซึ่งการปัสสาวะท้ายเรือเป็นภาวะจำยอมที่จะต้องปลดทุกข์ตอนนั้น ซึ่งก็เป็นไปได้

ผู้การแต้ม เผยอีกว่า หากแซนโกหก ทุกอย่างจะกลับมาหมดเพราะต้องไปวิเคราะห์จากพยานหลักฐาน ตนเชื่อว่าเรื่องนี้เป็นอุบัติเหตุที่มีเงื่อนงำ ซึ่งหากมีการตั้งสมมติฐาน เช่น หากมีใครบนเรือต้องการจะลวนลาม แล้วแตงโมหลบเลี่ยงจนตกน้ำลงไป นั่นคือจะมีโทษจากการความประมาททำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย แต่ถ้าหากมีการผลัก จับเนื้อต้องตัวจนตกลงไป ก็จะมีความผิดทำร้ายผู้อื่นจนถึงแก่ความตาย ซึ่งจะต้องวิเคราะห์ถึงพยานหลักฐานต่อไป

เชียร์ ถามว่า การที่คนบนเรือขอขมาคุณแม่ของแตงโมนั้น จะมีเหตุให้โทษบรรเทาลงได้หรือไม่ พ.ต.อ.วิรุตม์ เผยว่า ไม่เกี่ยวกัน การขอขมาคือเรื่องที่ผู้ต้องหาไปขอโทษ รู้สึกเสียใจต่อครอบครัวผู้เกิดเหตุ แต่ไม่มีส่วนกับการกระทำต่างๆ เป็นคนละเรื่องกัน

ผู้การแต้ม เผยว่าตนในฐานะคนที่เคยทำงานด้านสืบสวนสอบสวนมาตั้งแต่แรกเริ่ม ตนเข้าใจว่าทำไมประชาชนถึงขาดความเชื่อมั่น หรือไม่ไว้ใจตำรวจ เนื่องจากที่ผ่านมาหลายเหตุการณ์เจ้าหน้าที่เองก็ทำให้ประชาชนหวาดระแวงในเรื่องของความไม่โปร่งใส ซึ่งทางที่ดีตำรวจที่รับผิดชอบคดีนี้ควรแถลงความคืบหน้าแบบชัดเจนเป็นระยะๆ เพื่อให้สังคมได้รับทราบ โดยไม่ให้ไปทำลายกระบวนการสอบสวนและยุติธรรม ตนยอมรับเช่นกันว่า บางครั้งตนก็บ่นหรือไม่พอใจการทำงานของเจ้าหน้าที่เช่นกัน ซึ่งขอให้ประชาชนเชื่อใจในกระบวนการยุติธรรม แม้จะเป็นความหวังที่หลายคนกลัว แต่อยากให้เชื่อใจในพยานหลักฐาน ถ้าเป็นไปได้ตนก็อยากให้ตำรวจที่ทำคดีนี้ มานั่งตรงเก้าอี้ มานั่งตอบคำถามให้ประชาชนหายสงสัยเช่นกัน