สืบเนื่องจากเหตุการณ์ระทึกเมื่อวันที่ 23 ก.พ. 65 หลังทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ห้างฉัตร จังหวัดลำปาง ได้รับแจ้งเหตุพบพ่อวัย 29 ปี ทราบชื่อคือ นายต้น หรือ นายอนุพงษ์ แก้วคำกอง เกิดอาการเครียดหลังภรรยาสาววัย 25 ปี ทราบชื่อคือ โย หรือ นางสาวนภาพร ตาเมืองมา หายตัวออกไปจากบ้าน ตั้งแต่เช้าของเมื่อวาน ทำให้ทางนายต้นเกิดอาการเครียดและอาละวาด จับลูกสาววัย 8 ขวบ และลูกชาย 6 ขวบ ขึ้นรถบรรทุก 6 ล้อเป็นตัวประกัน บุกไปที่บ้านแม่ยายในพื้นที่หัวหนอง อ.ห้างฉัตร เพื่อตามหาภรรยาสุดท้ายไม่เจอตัว
ก่อนที่ทางครอบครัวของภรรยาจะเเจ้งตำรวจให้มาระงับเหตุ แต่ทางผู้ชายกลับไม่ยอม หนีเจ้าหน้าที่ตำรวจไปที่อ่างเก็บน้ำห้วยพร้าว ต.เวียวตาล ในหมู่บ้าน และพยายามจะขับรถบรรทุก 6 ล้อเตรียมจะพุ่งลงอ่างเก็บน้ำพร้อมกับลูกทั้ง 2 คน สุดท้ายทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ พร้อมด้วยกู้ภัย และพ่อของผู้ก่อเหตุได้เข้าไปเกลี่ยกล่อมจนกระทั่งกลับบ้านเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ล่าสุด วันที่ 23 ก.พ. 65 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ลงพื้นที่ไปยังบ้านของผู้ก่อเหตุ นายต้น และลูกทั้ง 2 คน เก็บตัวเงียบอยู่ภายในบ้าน พ่อของนายต้น บอกว่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นตอนนี้เคลียร์แล้ว ลูกชายกับหลาน ๆ ตอนนี้ก็นอนอยู่ภายในบ้าน มองว่าปัญหาที่เกิดขึ้นลูกชายของตนไม่ได้จับหลานเป็นตัวประกันตามที่ข่าวออกไป เขาเเค่เอาลูกไปหาภรรยา เผื่อหากเจอภรรยาเขาเห็นหน้าลูกจะได้ใจอ่อนกลับมาแค่นั้น ตนเองก็ไม่อยากให้คนนอกที่ไม่เกี่ยวข้องเข้ามากดดันเขา ส่วนเรื่องราวทั้งหมด ครอบครัวของตนกับทางด้านครอบครัวของลูกสะใภ้จะนัดเคลียร์กันอีกที
นางไพลิน แสงบุญเรือง อายุ 46 ปี แม่ของผู้ก่อเหตุ เปิดใจว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นจริง ๆ เป็นเรื่องของทั้งคู่ ตนไม่ทราบว่าสาเหตุที่ลูกสะใภ้หายไปนั้นมาจากอะไร เพราะทั้งคู่ไม่ได้เล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้ฟัง ประจวบกับก่อนเกิดเหตุเองตนก็ไม่เห็นว่าทั้งคู่ทะเลาะกันแต่อย่างใด ยังนั่งทานข้าวกันตามปกติ
เหตุการณ์ดังกล่าวจุดเริ่มต้นมาจากข่วงเช้าเมื่อวาน ลูกสะใภ้ได้ขับรถมอเตอร์ไซค์ออกไปส่งลูกทั้ง 2 คนที่โรงเรียน ห่างจากบ้านประมาณ 4 กิโลเมตร หลังจากนั้นตนและลูกชายก็แยกย้ายกันไปทำงาน ช่วงประมาณ 09.00 น. ลูกชายกลับมาที่บ้านไม่เจอภรรยา ติดต่อไม่ได้ ปิดเครื่อง ทางลูกชายเลยโทรมาหาตนให้ไปสอบถามทางเทศบาลว่ามีคนเจ็บหรือเกิดอุบัติเหตุที่ไหนในพื้นที่บ้าง เพราะหวั่นว่าจะเกิดเรื่องไม่ดีกับทางภรรยา ตนเลยสอบถามไปทำให้ทางลูกชายเครียด ตัดสินใจไปรับลูกทั้ง 2 คนกลับมาที่บ้าน และเก็บตัวเงียบอยู่แต่ภายในห้อง ไม่ได้มีการทำร้ายหรือทุบตีอะไรทั้งสิ้น ตนยังเรียกให้กินข้าวตามปกติ พอตนสอบถามว่าเรื่องเป็นอย่างไร ทางลูกชายของตนก็อาละวาด หาว่าตนตอแห- ปกปิด และเป็นคนคิดแผนให้เมียของเขาหนีไป ซึ่งตนยืนยันว่าตนไม่ทราบ พยายามจะตามหาให้ แต่ลูกชายก็ไม่ฟัง พยายามตะโกนโวยวายเรียกหาแต่ชื่อภรรยา
สุดท้ายตนก็มาทราบเรื่องเมื่อเช้านี้ว่าเขาไปอาละวาดที่บ้านแม่ยาย นำลูกทั้ง 2 คนไปด้วย ในใจแทบช็อกไม่คิดว่าลูกจะเครียดถึงขั้นนี้ ก่อนที่ทางสามีของตนจะเข้าไปไกล่เกลี่ย และกล่อมให้เขาระงับสติอารมณ์ สุดท้ายตอนนี้ลูกชายของตน กับหลานทั้ง 2 คน ปลอดภัยดี กินข้าวกินปลาและนอนหลับกันไปแล้ว มองว่าสิ่งที่เขาทำไปเพราะคงเครียด พอมีคนมาเยอะทำให้สติแตกและก่อเหตุในลักษณะดังกล่าว
ที่ผ่านมาลูกชายของตนทำมาหากินและเลี้ยงดูลูกเมียอย่างดี ทั้งคู่ได้แต่งงานกันมานานกว่า 10 ปีแล้ว เป็นครั้งแรกที่มีปากเสียงกันค่อนข้างแรก มองปัญหาที่เกิดขึ้นตนเองก็ห่วงสภาพจิตใจหลานทั้ง 2 คน สิ่งเดียวที่จะแก้ได้ตอนนี้คืออยากให้ลูกสะใภ้กลับมาคุยกันโดยดี และพูดคุยหาทางออกที่ดี เพราะตนเป็นห่วงหลาน
ด้านนางสำเริง ตาเมืองมา อายุ 52 ปี แม่ของน้องโย เล่าว่า ปัญหาและสาเหตุหลักที่ทำให้ทางลูกสาวหนีหายไปนั้น จากที่ลูกสาวเคยเล่าให้ฟังมาพอจะทราบได้ว่าทนไม่ไหวกับพฤติกรรมของสามี ป็นคนติดการพนันทางออนไลน์ ชอบเล่นเกมเสี่ยงดวงทางออนไลน์ ถึงขั้นที่ผ่านมาทั้งคู่ไปรับเหมาเก็บข้าวได้เงินมาเป็นแสนบาท สุดท้ายเงินไม่เหลือ ลูกสาวสอบถามไปทางสามีพบว่านำเงินไปเล่นการพนัน ส่งผลกระทบต่อค่าใช้จ่ายไม่ว่าจะเป็นค่ารถ งวดละ 20,000 บาทที่ต้องส่งผ่อน ค่าใช้จ่ายของหลานอีก 2 คน ทำให้ทางลูกสาวของตนทนไม่ไหว ก่อนหน้านี้ 1 สัปดาห์ ลูกสาวของตนมาบอกกับยายว่าโดนสามีเอาขวดน้ำอัดลมทุบเข้าที่บริเวณใบหน้า จนฟกช้ำ รวมถึงในอดีตทางลูกสาวก็เคยโดนต่อยเข้าที่ใบหย้าจนตาช้ำเขียว ลูกสาวไม่ยอมบอกตน เพราะกลัวจะเครียด
ตนยืนยันว่าลูกสาวหายตัวไป ไม่ทราบว่าหนีไปไหน เพราะครอบครัวเองก็ไม่สามารถติดต่อได้ เบอร์โทรไม่ติด เฟซบุ๊กก็ปิดไป ส่วนตัวเชื่อว่าพอเรื่องเงียบลูกสาวคงติดต่อมา เหมือนครั้งก่อนที่ทางลูกสาวเคยหนีไปอยู่บ้านน้าที่ จ.พิษณุโลก แต่ทางฝ่ายชายก็ตามกลับมาให้อยู่ด้วยกันอีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม หลังจากเกิดเรื่องตนยอมรับว่าครอบครัวเกิดความหวาดระเเวง และรู้สึกกลัว เพราะมีการข่มขู่ ตลอดจนห่วงความปลอดภัยของลูกสาว เพราะเขื่อว่าหากกลับมาทางลูกเขยคงไม่ปล่อยไว้แน่ ตลอดจนในส่วนของหลานทั้ง 2 คน หากอีกฝ่ายจะให้ทางครอบครัวตนดูแล ก็พร้อมจะดูแล ส่วนตัวไม่เอาลูกเขยคนนี้แล้ว และไม่ให้ลูกสาวของตนกลับไปอยู่กินอีกต่อไป ต่อให้ว่าเขาจะสัญญาหรือจะปรับปรุงนิสัย ตนก็ไม่เชื่อ เพราะที่ผ่านมาเห็นว่าทางลูกสาวให้โอกาสมาหลายครั้งแล้ว
นางบุญนาค ตาเมืองมา ย่าของน้องโย เล่าว่า สำหรับช่วงที่เกิดเหตุนั้นตนกำลังนอนอยู่ที่บ้าน ลูกเขยคนก่อเหตุก็ได้ขับรถมาตะโกนตามหาหลานของตน พร้อมกับเบิ้ลเครื่องรถ 6 ล้อบริเวณหน้าบ้าน ช่วงเวลา 23.00 น. ของเมื่อคืนที่ผ่านมา ก่อนที่จะอาละวาดและกลับบ้านไปในข่วงตี 1 ตอนนั้นเองทางผู้ก่อเหตุยังไม่ได้มีการทำร้ายหรือทำลายข้าวของ มีแต่ถามหาเมีย ครอบครัวเองก็ไม่ทราบว่าหลานสาวไปไหน เพราะเจอครั้งสุดท้ายก็เมื่อวาน โดยที่ทางหลานสาวมาบอกแค่ว่า "จะไปแล้วนะ ทนไม่ไหว"
ช่วงเช้าของวันนี้เจ้าตัวได้ขับรถ 6 ล้อคันเดิมมาอีกครั้ง พร้อมอาละวาดถามหาเมีย บอกให้ติดต่อมาให้ได้ ก่อนจะเอารถยกมาชนบ้านจนพังเสียหาย ครอบครัวเองก็ไม่กล้าตอบโต้ เพราะทางผู้ก่อเหตุได้จับหลานทั้ง 2 คนไว้เป็นตัวประกันในรถ แต่ไม่ได้มีการทำร้ายหรือทุบตีหลาน ปล่อยให้หลานนั่งอยู่บนรถ เล่นเกม สลับกับร้องไห้ บางช่วงหลานคนโตได้บอกว่าให้พ่อใจเย็น ๆ อย่าทำลายข้าวของ แต่เขาก็ไม่ฟัง ตอนแรกก็ไม่อยากแจ้งความ เพราะเป็นห่วงหลาน แต่สุดท้ายไม่ไหว เพราะเขาขู่ว่าหากทางภรรยาหรือหลานของตนกลับมาจะฆ่าให้หมด ตนเลยห่วงว่าหากเขาคิดมากจะไปลงที่หลานได้ ตัดสินใจแจ้งความให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาระงับเหตุ
ที่ผ่านมาหลานสาวก็มาบ่นให้ฟังเรื่องสามีติดการพนันออนไลน์ หนำซ้ำยังเคยโดนทำร้ายร่างกายด้วย เลยทนไม่ไหว อยากจะหนีออกมา ส่วนตัวรู้สึกหวาดกลัวจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น หวั่นว่าจะไม่ปลอดภัยจากคำขู่ที่บอกว่าจะฆ่ายกครัวด้วย