ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ได้รับรายงานว่าเมื่อวานนี้ 21 กุมภาพันธ์ 2565 ได้มีชายคนหนึ่งได้ขับรถกระบะยี่ห้ออีซูซุ รุ่นดีแมคซ์ สีขาว หมายเลขทะเบียน ผค 5220 สุราษฎร์ธานี บุกเข้าไปภายในโรงเรียนแห่งหนึ่ง ในพื้นที่อำเภอหลังสวน จังหวัดชุมพร และก่อเหตุลวนลามครูสาว โชคดีกระทำการไม่สำเร็จ ก่อนจะหลบหนีไป โดยทางครูสาวได้ถ่ายคลิปช่วงที่ผู้ก่อเหตุขับรถหนีออกจากโรงเรียนเอาไว้ได้ ซึ่งจับภาพหมายเลขทะเบียนรถได้อย่างชัดเจน
นางสาวโอ หรือ ครูโอ อายุ 27 ปี ครูสอนชั้นปฐมวัย ซึ่งขณะนี้ตั้งครรภ์ลูกสาวได้ 21 สัปดาห์ บอกว่า เมื่อวานนี้ เวลา 09.00 น. ตนนั่งทำเอกสารอยู่ภายในห้องเรียน สวมใส่เสื้อคอปกสีม่วง กางเกงวอมสีดำ ส่วนครูท่านอื่นออกไปกินข้าว ขณะนั้นผู้ก่อเหตุก็ได้ขับรถมาจอดภายในโรงเรียน สวมใส่เสื้อยืดสีดำ กางเกงสามส่วน พร้อมเดินมาถามตนที่บริเวณหน้าห้องว่า “มีห้องน้ำไหม” ตนจึงบอกว่ามี พร้อมชี้ทางให้
จากนั้นเมื่อผ่านไปประมาณ 20 นาที ผู้ก่อเหตุก็ได้เดินกลับมาหาตนอีกครั้ง พร้อมสอบถามว่า "ครูมีแอปฯธนาคารไหม ต้องโอนเงิน" ตนตอบว่า "ไม่มี เพิ่งเปลี่ยนโทรศัพท์ใหม่" อีกฝ่ายจึงวานให้ตนช่วยโอนเงินในมือถือให้ พร้อมส่งโทรศัพท์มาให้ตน อีกทั้งยังถามตนว่า "เด็กในห้องมีแค่นี้เหรอ, โรงเรียนปิดใช่ไหม" ครูมีแฟนหรือยัง"
ขณะนั้นตนได้ไลน์หาครูที่ออกไปกินข้าว แจ้งว่าตนอยู่คนเดียว มีคนแปลกหน้ามาโรงเรียน จากนั้นตนก็ได้รับโทรศัพท์ของอีกฝ่ายมา แล้วตอบว่า "ครูมีลูกมีผัวแล้ว เด็กมีแค่นี้ เป็นโรงเรียนขนาดเล็ก ตอนนี้โรงเรียนปิดโควิด" แต่เมื่อตนเปิดล็อกโทรศัพท์ ตนก็ต้องตกใจ เนื่องจากคลิปโป๊ที่ผู้ก่อเหตุเปิดดูค้างไว้นั้นเด้งขึ้นมา ตนโยนโทรศัพท์ทิ้ง อีกฝ่ายก็ได้ปรี่เข้ามากอดลูบคลำตนจากด้านข้างในทันที ตนได้พยายามสะบัดอีกฝ่าย บอกว่า "อย่านะ ปล่อยนะ" จนเมื่อตนสะบัดหลุดออกมาได้ก็คว้าแม่กุญแจมาป้องกันตัว แล้วหนีออกจากห้องเรียน ขณะนั้นครูผู้ชายที่ออกไปกินข้าว 2 คนกลับมาพอดี ตนจึงรีบเข้าไปขอความช่วยเหลือ ผู้ก่อเหตุก็ได้รีบขึ้นรถขับหนีไปทันที
ทั้งนี้ขณะเกิดเหตุตนสังเกตเห็นความผิดปกติ เนื่องจากอีกฝ่ายถามเรื่องส่วนตัวของตน และอีกฝ่ายมีท่าทีคล้ายคนเสพยาเสพติด ตนจึงได้ทำใจดีสู้เสือ พยายามหันหน้าเผชิญหน้า เพราะกลัวว่าหากหันหลังตนจะถูกล็อก อีกทั้งตนยังพยายามพูดดีกับอีกฝ่าย เพื่อที่อีกฝ่ายจะได้ใจเย็น ๆ นอกจากนี้ตนได้แจ้งผู้ใหญ่บ้าน ซึ่งผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านได้ขับรถตามผู้ก่อเหตุไปเรื่อย ๆ แต่คลาดกัน ตนยอมรับว่าตนยังคงผวาอยู่ ตนกลัวที่จะอยู่คนเดียวในตอนกลางคืน จึงไปขออยู่บ้านญาติ จนสามีของตนพูดว่า "เห็นห้าว ๆ ไม่น่าเชื่อว่าจะอ่อนแอ"
วันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2565 ทีมข่าวได้เดินทางมายัง สภ.ปากน้ำหลังสวน จังหวัดชุมพร พ.ต.อ.วิษณุ สุระวดี ผกก.สภ.ปากน้ำหลังสวน ได้ให้ข้อมูลว่าหลังจากได้รับแจ้งเหตุ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้แกะรอยรถคันดังกล่าวจนไปพบว่ารถถูกจอดทิ้งไว้บริเวณคอเขาเนินนางพญา ห่างจากที่เกิดเหตุประมาณ 20 กิโลเมตร แต่ถูกถอดป้ายทะเบียนทิ้งทั้งหน้าหลัง ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำรถกระบะกลับมาจอดที่สถานีตำรวจ ทีมข่าวยังคงพบอุปกรณ์เสพยาเสพติดที่บริเวณท้ายกระบะ
โดยจากการตรวจสอบทะเบียนรถ เอกสารภายในรถ พบว่าเจ้าของรถคือ นายสิทธิพงษ์ อายุ 30 ปี เป็นคนจังหวัดสุราษฎร์ธานี แต่ได้ย้ายไปอาศัยอยู่ที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ อาชีพรับจ้างทั่วไป โดยจากการตรวจสอบข้อมูลพบว่าผู้ก่อเหตุติดยาเสพติด ทั้งนี้ ผู้เสียหายได้ยืนยันตัวผู้ก่อเหตุกับเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้ว โดยในช่วงบ่ายวันนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการออกหมายจับ นายสิทธิพงษ์ ได้ข้อหากระทำอนาจารเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ทีมข่าวได้เดินทางมายังบ้านพักแห่งหนึ่ง พื้นที่หมู่ 2 ต.ปากน้ำปราณ อ.ปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ บ้านพักตามสำเนาทะเบียนบ้านของผู้ก่อเหตุ โดยลักษณะบ้านเป็นบ้านชั้นเดียว ตั้งอยู่ติดริมทะเล ระหว่างที่ลงพื้นที่ พบกับญาติพี่น้องของภรรยาผู้ก่อเหตุ ซึ่งให้ข้อมูลว่า นายสิทธิพงษ์ คงนคร บุคคลดังกล่าวตามในภาพที่ทีมข่าวให้ดูนั้น ป็นคนต่างพื้นที่ และมาเป็นเขยที่นี่ จึงนำชื่อเข้าทะเบียนบ้าน
นางอั้ม (นามสมมติ) อายุ 35 ปี พี่สะใภ้ของผู้ก่อเหตุ เปิดเผยว่า ช่วงปีใหม่ นายสิทธิพงษ์ ผู้ก่อเหตุ ได้บอกกับภรรยาว่าจะไปออกเรือที่ทางใต้ และหลังจากนั้นก็หายตัวไป จนถึงตอนนี้ก็ติดต่อไม่ได้มากว่า 2 เดือนแล้ว ซึ่งทำให้ภรรยาของนายสิทธิพงษ์รู้สึกกังวลใจเป็นอย่างมาก แต่ก็พยายามคิดว่าคงจะไปออกเรือ เลยไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ เนื่องจากนายสิทธิพงษ์จะออกเรือเป็นประจำอยู่แล้ว
กระทั่งมาทราบเรื่องที่เกิดขึ้นจากทีมข่าว ก็รู้สึกตกใจ ส่วนกรณีที่ไปลวนลามครูสาว รวมถึงเรื่องที่เสพยานั้นทางครอบครัวไม่เคยทราบมาก่อน แต่รถคันที่ปรากฏในคลิปคือรถของนายสิทธิพงษ์จริง ตอนที่นายสิทธิพงษ์อยู่ที่นี่ตนยืนยันว่า เป็นคนที่นิสัยดี ขยันทำงาน และรักครอบครัว เพราะเป็นเสาหลักของครอบครัวที่ต้องดูแลลูกเล็กอีก 2 คน
อีกทั้ง นายสิทธิพงศ์ยังเป็นคนที่นิ่งเงียบ ไม่ค่อยสุงสิงกับใคร ทางครอบครัวจึงไม่รู้นิสัยใจคอลึก ๆ แต่สำหรับเรื่องยาเสพติด และเรื่องไปลวนลามคนอื่น เท่าที่ทราบ ไม่เคยมีพฤติกรรมเช่นนี้มาก่อน อย่างไรก็ตาม ตนยืนยันว่าตั้งแต่เกิดเรื่อง นายสิทธิพงษ์ไม่ได้ติดต่อมา และหากดูข่าวอยู่ตนก็อยากจะให้ออกมาแสดงตัว และชี้แจงเรื่องราวที่แท้จริง เพราะทางครอบครัวก็เป็นห่วง ส่วนเรื่องราวที่เกิดขึ้น หากทำผิดก็ให้ว่าไปตามกระบวนการทางกฎหมาย
