จากกรณีวันที่ 12 ก.พ.65 เวลา 23.20 น. พ.ต.ท.ณรัฐ บัวเขียว สว.(สอบสวน) สน.บุคคโล ได้รับแจ้งเหตุมีผู้ยิงเสียชีวิต ภายใน ซอยสิงห์เจริญอุทิศ 4 ตากสิน 18 แขวง บุคคโล เขตธนบุรี กทม. จึงเดินทางตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมด้วย พล.ต.ต.โชคชัย งามวงศ์ รอง ผบช.น., พล.ต.ต.มานพ สุคนธ์ธนพัฒน์ ผบก.น.8, พ.ต.อ.ชัยกฤต โพธิ์อ๊ะ รอง ผบก.สปพ.(191) และ พ.ต.อ.ปิยะกรณ์ ศรีวันทา ผกก.สน.บุคคโล
ที่เกิดเหตุพบร่างหญิงสาวนอนเสียชีวิต สภาพนอนหงาย สวมเสื้อสีครีม มีเสื้อคลุมสีน้ำตาล กางเกงขาสั้นสีน้ำเงิน สวมรองเท้าแตะสีดำ ต่อมาเวลา 01.30 น. เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน พร้อมด้วยแพทย์ชันนสูตร รพ.จุฬา เข้าตรวจสอบร่างผู้เสียชีวิต ถูกกระสุนปืนเข้าที่ศีรษะและลำตัว 2 นัด ทราบชื่อ น.ส.สุจิตรา หรือ เก๋ เทพศิรินทร์รัตน์ อายุ 33 ปี
วันที่ 14 ก.พ. 65 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี พูดคุยกับแม่ผู้ต้องหา บอกว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นต้นตอปัญหามาจากเด็กหญิงลำดวน ซึ่งเป็นหลาน หนีออกจากบ้านไปหลายวัน ซึ่งที่เจ็บใจที่สุดคือหลานอยากไปอยู่กับคนอื่นมากกว่านายเสมา ซึ่งเป็นคนที่เลี้ยงมาตั้งแต่เล็ก และผู้ตายมีการสื่อสารในเชิงประมาณว่าจะเอาเด็กหญิงมาคืนหรือไม่เอามาคืนก็ได้ เพราะเด็กอยากอยู่กับผู้ตาย ตนก็มองว่าเป็นเรื่องภายในครอบครัว ที่ต้องอบรมสั่งสอนเด็กหญิงลำดวน
ซึ่งตนก็อยากให้สังคมมองว่า นายเสมา ลูกชายของตน ถูกฝ่ายผู้ตายใช้อาวุธมีดแทงที่บริเวณเอวก่อน ลูกชายของตนก็ไม่ได้รู้ตัวว่าตัวเองถูกแทงตั้งแต่แรก แต่เพิ่งมารู้ทีหลัง จึงให้ลูกน้องขับรถจักรยานยนต์รีบไปส่งโรงพยาบาล แต่ตอนที่ออกมาหน้าปากซอย พบกลุ่มผู้เสียชีวิต มีความแค้นสะสมจากการถูกแทงจึงไปก่อเหตุ ซึ่งตนก็ไม่แน่ใจว่าลูกชายของตนไปเอาปืนมาจากไหน เพราะที่ผ่านมาก็ไม่เคยเห็นว่าพกปืน และที่สำคัญนายเสมาเป็นคนจิตใจดี ใจเย็นมาก ๆ และเป็นเสาหลักของครอบครัว กับเด็กหญิงลำดวลเอง ก็ไม่เคยตี ให้เงินใช้ตลอด อยากได้อะไรก็หามาให้
ส่วนตัวยังไม่ได้มีโอกาสเข้าไปเยี่ยมนายเสมา เพราะไม่รู้ว่าตอนนี้เจ้าที่ตำรวจพาไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลไหน ส่วนเรื่องประกันตัวอยู่ในระหว่างการปรึกษาของคนในครอบครัวว่าจะดำเนินการอย่างไรบ้าง
ขณะเดียวกัน ทีมข่าวเดินทางไปยังวัดดาวคะนอง พื้นที่เขตธนบุรี กรุงเทพมหานคร ภายในศาลาวัด ถูกจัดตั้งงานศพของนางสาวสุจิตรา เทพศิรินทร์รัตน์ อายุ 35 ปี ผู้เสียชีวิต มีญาติพี่น้อง และกลุ่มวัยรุ่นบางส่วน เดินทางมาแสดงความเสียใจ
นายกรีรติ ก๊กทรัพย์ อายุ 33 ปี สามีผู้เสียชีวิต บอกว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ภาพจากกล้องวงจรปิดค่อนข้างชัดเจนว่าใครเป็นคนก่อเหตุ ซึ่งตนมองว่านายเสมา ผู้ต้องหา ทำเกินกว่าเหตุอย่างมาก เด็ก ๆ ที่ไปด้วยกันกับภรรยาของตนก็เป็นเยาวชนอายุ 15-16 ปี ซึ่งไม่ได้พกอาวุธไปสักคน ส่วนเรื่องมีด ตอนนั้นมันก็ชุลมุน เด็กก็ตกใจคิดว่าเป็นของนางสาวสุจิตรา ผู้เสียชีวิต เลยไม่มีใครจำได้ว่าใครทำอะไรบ้าง เพราะตอนนั้นทุกคนวิ่งหนีตายเพื่อเอาชีวิตรอด
ตามที่ผู้ต้องหาบอกว่าที่ซ้อนมอเตอร์ไซค์ออกไปนั้นจะไปโรงพยาบาล ตนมองว่าเป็นข้ออ้าง ถ้าคนถูกแทงจริง เวลาเจ็บแผลก็คงจะไปโรงพยาบาลเลยหรือไม่ คงไม่น่าไปตามยิงภรรยาตนแบบนี้ ทางครอบครัวตนยังอยู่ในความโศกเศร้าเสียใจ และยังทำใจไม่ได้ เนื่องจากนายเสมาจ่อยิงภรรยาของตนเหมือนผักเหมือนปลา ตนรับไม่ได้
ส่วนคนก่อเหตุ ตนมองว่าคนประเภทนี้หน้าตัวเมีย ไม่ได้มีจิตสำนึก ทราบมาว่าทางครอบครัวผู้ต้องหาเองกำลังปรึกษาเรื่องการประกันตัว ตนและครอบครัวก็กลัวเรื่องความปลอดภัย และมองว่าไม่ควรได้รับการประกันตัว จึงอยากให้ตำรวจมีการคัดค้าน เพื่อให้คนที่ผิดได้รับโทษ ในขณะเดียวกันตนก็อยากให้ญาติผู้เสียชีวิตเข้ามาติดต่อในการชดใช้และเยียวยาครอบครัว เนื่องจากภรรยาของตนเป็นคนขยันทำงาน เป็นเสาหลักให้กับครอบครัว ตอนนี้คิดว่าภรรยาคงจะเป็นห่วงลูกมาก กับญาติผู้ก่อเหตุ แม้แต่จะเข้ามาขอโทษขมาศพก็ยังไม่มี
ทีมข่าวอมรินทร์ ได้ภาพกล้องวงจรปิดเพิ่มเติม เป็นช่วงเวลาก่อนนางสาวสุจิตราถูกยิง จับภาพกลุ่มวัยรุ่นฝั่งคนตายวิ่งหนีออกมาจากในซอย เห็นผู้เสียชีวิตวิ่งออกมาพร้อมกับนายพีช จากนั้นเห็นนางสาวจิราภา ผู้บาดเจ็บ เดินออกจากซอย จากนั้นเห็นรถจักรยานยนต์ของนายเสมาขับตามออกมา บริเวณหัวโค้งซอยที่เกิดเหตุเห็นกลุ่มวัยรุ่นฝั่งคนตายวิ่งไปมา เห็นนายเสมาซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์เข้าไปยิง หลังยิงเสร็จออกมาช่วงผ่านกล้องวงจรปิดไป
