ผู้สื่อข่าวได้รับร้องเรียนจากญาติของนางสาวอ้อมพยายามฆ่าตัวตาย ด้วยการกินยาฆ่าแมลง จุดที่ก่อเหตุคือบ้านของคู่กรณี ที่เคยมีเรื่องฟ้องร้องในข้อหากระทำอนาจาร ซึ่งผู้ที่ถูกกล่างหาว่ากระทำอนาจารนั้น คือพี่เขยของสามี จึงทำใจที่จะมีชีวิตอยู่ไม่ได้ และอยากจะเรียกร้องความยุติธรรมให้กับตัวเองนั้น
วันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2565 ทีมข่าวได้เดินทางมาที่วัดหนองโอ่ง ต.หนองโอ่ง อ.อู่ทอง จ.สุพรรณบุรี สถานที่จัดพิธีบำเพ็ญกุศลของ นางสาวพุ่มพวง หรือ อ้อม อายุ 30 ปี โดยทางญาติพี่น้องจะจัดพิธีสวดพระอภิธรรมในวันที่ 4-5 ก.พ. และจัดพิธีฌาปนกิจในวันที่ 6 ก.พ.
นายจีรศักดิ์ กลิ่นไทร อายุ 32 ปี สามีของผู้ตาย เปิดเผยว่า คำสุดท้ายที่ผู้ตายพูดกับตนก่อนหมดลมหายใจคือให้ดูแลลูก แต่ตนพยายามยกมือไหว้ร้องขอผู้ตาว่าอย่าทิ้งกันไป และขอให้รอดกลับมาให้ได้ แต่ปาฏิหาริย์ก็ไม่มีจริง
ก่อนหน้านี้ ผู้ตายเคยพูดตัดพ้ออยู่หลายครั้งว่าความยุติธรรมไม่มีแล้ว และขอให้ดูแลลูกดี ๆ หากเกิดอะไรขึ้น ให้ใช้ศาลเตี้ย อย่าให้ลูก ๆ ต้องมาเป็นแบบนี้ แต่ตนก็พยายามให้กำลังใจตลอด เลยไม่ได้เอะใจว่าจะมาก่อเหตุกินยาฆ่าตัวตาย และคิดว่าคงจะทำไปเพราะสุด ๆ แล้ว แม้แต่ตอนที่ศาลฎีกานัดให้ไปฟังคำตัดสินก็ไม่ไป เพราะไปไม่ไหวแล้ว และหลังจากที่ตัดสินให้ยกฟ้อง นางสาวอ้อมก็ทุกข์ใจ จนต้องไปยืนร้องขอความยุติธรรมที่หน้าศาล ซึ่งตนก็ทำได้เพียงแค่บอกให้กลับบ้านเรากัน
กรณีที่นายดำ จำเลย ยังยืนยันว่าไม่ได้ทำ ตนมองว่าคนที่ครอบครัวที่ดีมีลูกต้องดูแลจะตายไปเพื่ออะไร ทั้งนี้ หากนายดำจะมาขอขมา ตนมองว่า ไม่มีประโยชน์อะไรแล้ว เพราะก่อนหน้านี้เคยพยายามบอกแล้วว่าให้รับสารภาพ แล้วจะช่วยเหลือ แต่ไม่เคยยอมรับความจริง
กรณีที่พ่อแม่ของตนเอาพานมากราบนางสาวอ้อมให้ยอมความ และขอให้นายดำมากกราบเท้า ตนมองว่าถ้าจะกราบเท้าคน ตัวเองสำนึกหรือยัง ถ้าจะเข้ามาแบบเสแสร้งนั้นก็ไม่ต้องเข้ามาดีกว่า เพราะกฎแห่งกรรมและเวรกรรมมันมีจริง
นางสาวออน (นามสมมติ) อายุ 49 ปี อาของผู้ตาย เปิดเผยว่า ตนเลี้ยงผู้ตายมาตั้งแต่เด็ก กระทั่งผู้ตายมีครอบครัวก็ย้ายไปอยู่ที่บ้านของสามี จนช่วงที่เกิดเรื่องได้มาระบายให้ฟังว่าถูกนายดำ พี่เขยข่มขืน ตนเลยบอกให้หลานกลับไปอยู่บ้านเรา และพยายามปลอบใจเสมอว่าไม่ต้องห่วง คนที่ทำต้องได้รับกรรม ซึ่งช่วงที่ขึ้นศาล นางสาวอ้อมก็ใจสู้มาโดยตลอด เพราะช่วงแรกชนะคดีแต่คู่กรณียื่นคำร้องขอสู้ความต่อจนสุดท้ายคดีถูกยกฟ้อง
นางสาวอ้อมเสียใจมาก กินข้าวไม่ได้ ทั้งนี้ยังตัดพ้อว่าไม่อยากจะอยู่ต่อแล้ว แต่ตนก็พยายามไม่จะทำอะไรต้องรอบคอบ และคิดถึงลูกให้มาก ๆ ทั้งนี้ ตนยังคงมีความหวังว่าอยากจะให้คนทำชั่วออกมายอมรับผิด ซึ่งส่วนตัวเชื่อสิ่งที่นางสาวอ้อมพูด เพราะคงจะไม่มีผู้หญิงคนไหนที่มีครอบครัวแล้วจะเอาตัวเองมาประจาน
กรณีที่บอกว่าเจอดีเอ็นเอเพราะนำเสื้อผ้าไปซักพร้อมกัน ตนเชื่อว่ามีเพียงแค่เด็กอมมือเท่านั้นที่จะคิดว่าซักผ้ารวมกันแล้วดีเอ็นเอจะติด เพราะหลายคนก็ไปตรวจ จะไปปรากฏที่นายดำเพียงคนเดียวได้อย่างไร จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น นางสาวอ้อมบอกกับตนก่อนจากไปว่าหมดศรัทธากับความยุติธรรม หมดความหวัง หมดศรัทธาในสิ่งศักดิ์สิทธิ์ และหลังจากนี้ตนคงจะต้องพึ่งพาเรื่องเวรกรรม เพื่อเรียกร้องความยุติธรรมให้กับหลานสาว
