สุดงงฝรั่งหนีกลับนอกฝังบีเอ็มหมกป่า 13 ปี หวั่นโยงคดีฆ่า สื่อบุกบ้านเพิ่งรู้เป็นครู (คลิป)

วันที่ 2 ก.พ. 65 ที่ สภ.อำเภอเฉลิมพระเกียรติ ต.สวนหลวง อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.นครศรีธรรมราช พลตำรวจตรีสมชาย ซื่อต่อตระกูล ผู้บังคับการตำรวจภูธรนครศรีธรรมราช พร้อม ผกก.สภ.เฉลิมพระเกียรติ และเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน และเจ้าหน้าที่กู้ภัย ตรวจสอบรถเก๋ง BMW ที่ได้ขุดซากออกจากหลุมฝังดินในสวนปาล์มนำมาทำความสะอาด ค้นหาพยานหลักฐานสำคัญต่าง ๆ

เบื้องต้นทราบ เป็นรถเก๋ง BMW 323(ไอเอ) สีดำ ทะเบียน กจ 3979 ภูเก็ต ชื่อเจ้าของรถคือนาย Michael Dylan Gregory
ที่อยู่หมู่ 4 ต.กมลา อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต ขณะนี้รอประสาน ตม. ติดต่อพูดคุยกับ เจ้าของรถที่พักอาศัยอยู่ในประเทศสหรัฐอเมริกา

ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางมายังพื้นที่เกิดเหตุ บริเวณเขตพื้นที่สวนปาล์ม บ้านบางนก-วัก หมู่ 2 ต.สวนหลวง อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.นครศรีธรรมราช การเดินทางจากเส้นถนนหลัก สาย 408 ต.สวนหลวง อ.เฉลิมพระเกียรติ ไปยังพื้นที่เกิดเหตุระยะทางเป็นถนนคอนกรีต สลับถนนลูกรัง ระยะทางกว่า 10 กิโลเมตร

เมื่อมาถึงสวนปาล์มเป็นถนนลูกรัง และสวนจะเป็นสวนสุดท้ายทางตัน เข้าไปจะเห็นว่าเป็นสวนปาล์มขนาดใหญ่ หญ้าขึ้นสูง ระยะทางที่ทีมข่าวเดินเท้าเข้าไปลึกภายในสวนประมาณ 500 เมตร พบหลุมขนาดประมาณหน้ากว้าง 3 เมตร ยาว 8 เมตร ลึกประมาณ 2 เมตร มีน้ำท่วมขังเต็มหลุม กลิ่นน้ำมันเครื่องรถยนต์คละคลุ้ง ใกล้กันเป็นพื้นโคลนดินเหนียว มีเศษซากของชิ้นส่วนรถยนต์สีดำ คล้ายเฟรมรถยนต์ ตกอยู่ใกล้ปากหลุม

ทีมข่าวเดินทางไปยังพื้นที่บ้านริมสวน หมู่ 9 ต.เชียรเขา อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.นครศรีธรรมราช นายอนัน ชูแก้ว อายุ 59 ปี ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 9 เจ้าของสวนปาล์ม 60 ไร่ เล่าว่า ตนเองทราบจากนายยง คนสวน นำเงินมาให้ลูกชาย และบอกลูกชายว่าเจอรถฝังในสวน และลูกชายก็โทรมาบอกว่าพบรถถูกฝังในพื้นที่สวนของตนเอง จึงรีบเดินทางเข้าไปดู ยืนยันว่ารถเก๋งคันดังกล่าวไม่เคยเห็นมาก่อน มึนงงตกใจมากว่ารถใครมาอยู่ในพื้นที่สวนของตนเอง

ตนเองไม่ได้เข้าสวนมานานเกือบ 6 ปี แต่ครั้งล่าสุดที่เข้าไปนั้น เดือน ธ.ค.64 โดยได้มีการคุยกับนายหน้ามาดูที่ เพราะตนเองอยากจะขายพื้นที่สวน 60 ไร่ เนื่องจากมีหนี้สินค่อนข้างเยอะหลายบาท แต่เป็นเพียงแค่นำโฉนดที่ดิน และเดินดูเพียงแค่หน้าสวนไม่ได้เข้าไปลึกข้างใน หญ้าก็ขึ้นสูงตามปกติของสวนปาล์ม โดยที่ตนเองมาทราบว่ามีรถในพื้นที่สวนตนเองนั้นไม่ได้คิดถึงใคร เพราะไม่รู้จะสงสัยใคร ตนเองไม่เคยมีปัญหากับใครทั้งสิ้น อีกทั้งไม่น่าจะมีใครมากลั่นแกล้งตนเอง

ตนเองปลูกสวนปาล์ม 60 ไร่เอาไว้ ปลูกตั้งแต่ปี พ.ศ.2542 เมื่อโตขึ้นก็ไม่ได้เข้ามาดูแล จ้างแต่คนสวนเข้ามาเก็บเกี่ยวผลผลิต แต่ช่วงนี้เศรษฐกิจก็ไม่ดี ผลผลิตก็น้อยหาแรงงานยาก จึงปล่อยทิ้งไว้หลายปี ยิ่งมาเจอเหตุการณ์เช่นนี้ เครียดว่าจะสามารถขายที่ดินได้หรือไม่

นายยง มีสุข อายุ 54 ปี คนสวนพบเห็นรถคนแรก เล่าว่า วันเกิดเหตุ 1 ก.พ. 65 ตนเองออกจากบ้านเดินทางไปยังสวนปาล์ม 60 ไร่ เวลาประมาณ 08.00 น. ตนเองไปกับเพื่อนประมาณ 6-7 คน เก็บเกี่ยวผลผลิตในจุดต่าง ๆ จนมาถึงจุดที่เกิดเหตุนั้น ตนเองก็เก็บเกี่ยวผลผลิตตามปกติ จนกระทั่งตนเองสะดุดกับพวงมาลัย สงสัยว่าเป็นพวงมาลัยของเรือสปีดโบ๊ต จึงได้พยายามเอาไม้เขี่ยเพื่อตรวจสอบดู จนทราบว่าเป็นซากของรถยนต์ ยอมรับว่าตกใจมากจึงรีบแจ้งเจ้าหน้าที่ ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านเข้ามาในพื้นที่

ทั้งนี้ ส่วนตัวเป็นคนสวนเก็บเกี่ยวผลผลิตที่สวนปาล์มแห่งนี้มานานกว่า 2 ปี มาเก็บเกี่ยว 2 เดือน ประมาณ 3 ครั้ง ยอมรับว่าช่วงเก็บเกี่ยวครั้งก่อน เมื่อเดือนธันวาคม 2564 ต้นหญ้ายังคงสูงประมาณ 50 เซนติเมตร สูงเทียบเท่ากับประมาณเอว แต่เมื่อน้ำท่วมสูงที่ผ่านมานั้น ทำให้ต้นหญ้าในสวนแห้งตาย พื้นดินราบเตียน มองเห็นพื้นดินมากยิ่งขึ้น จนได้กลับเข้าไปเก็บเกี่ยวในวันที่ 1 ก.พ. 65

ตนยืนยันว่า ไม่เคยเห็นรถเก๋งคันนี้มาก่อนและไม่ทราบว่าเป็นของใคร อีกทั้งได้คุยกับเจ้าของสวนแล้ว เจ้าของสวนไม่เคยเข้าสวนมานานเกือบ 6 ปี และไม่ทราบว่าเกิดเหตุได้อย่างไร ส่วนตัวก็ยังเอะใจสงสัยว่ารถคันดังกล่าวมาที่พื้นที่ได้อย่างไร เพราะสภาพรถที่เห็นเศษซากดินเหนียวดินโคลนเต็มรถไปทั้งหมด น่าจะอยู่ในดินกว่า 1-2 ปีแล้ว

นายปองภพ นาคแป้น อายุ 26 ปี เจ้าหน้าที่ประชาร่วมใจ และกู้ชีพสวนหลวง เล่าว่า เมื่อวานตนเองทราบว่า ชาวบ้านพบเจอรถและได้ประสานยังผู้ใหญ่บ้าน ติดต่อยังเจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงได้จัดทีมเจ้าหน้าที่กู้ภัยเข้าพื้นที่สวนปาล์มขนาดใหญ่ 60 ไร่ ทางเข้าค่อนข้างลำบาก จะต้องใช้รถขับเคลื่อน 4 ล้อ รถกระบะสูงถึงจะขับเข้าไปได้ อีกทั้งพื้นที่เป็นดินโคลน หากเดินทางเข้าไปรถอาจจะติดหล่มได้ หากจะเดินทางเข้าไปนั้นจะต้องเดินเท้าเข้าไป

วานนี้ตนและทีมงานเดินทางถึงที่เกิดเหตุ ประมาณ 15.00 น. ยอมรับว่าการทำงานยากลำบากมาก เพราะแสงไฟไม่มี ต้องเตรียมอุปกรณ์ไปค่อนข้างเยอะมาก และจะต้องกั้นพื้นที่การทำงาน ให้เฉพาะเจ้าหน้าที่ดำเนินการ ทีมงานร่วมกว่า 30 ชีวิต ช่วยกันขุด และใช้รถแบ็กโฮในการขุดหลุมเพื่อนำรถขึ้นมา โดยขุดหลุมลึกประมาณ 150 เซนติเมตร กว่าจะแล้วเสร็จใช้ระยะเวลาร่วม 6 ชั่วโมง เสร็จสิ้นนำรถขึ้นมาได้ 21.00 น. และนำรถไปจอดยัง สภ.เฉลิมพระเกียรติ จ.นครศรีธรรมราช

จากที่ตนเองไปยังที่เกิดเหตุ เห็นสภาพของพื้นที่นั้นเป็นพื้นที่ห่างไกลผู้คน จากถนนใหญ่ไปยังที่เกิดเหตุ ระยะทางกว่า 500 เมตร ค่อนข้างลึกอยู่ในสวนปาล์ม บริเวณหน้าดินที่ไปพบเจอนั้น จากที่ตนเองประเมินคาดว่าเกินกว่า 1-2 ปี ยอมรับว่าครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่เจอเหตุการณ์ ตนเองยังไม่สามารถทราบได้ว่าเป็นรถของใคร เพราะป้ายทะเบียนก็ไม่มี ต้องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจนั้นเป็นผู้จัดการในเรื่องนี้ แต่เมื่อเช้าวันนี้ ตนเองก็เข้ามาช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ตำรวจนำเศษซากดินโคลนออกจากตัวรถ และให้เจ้ากน้าที่ได้สามารถตรวจสอบหาพยานหลักฐานต่อไป

ชุดสืบสถานีตำรวจภูธรกมลา จ.ภูเก็ต ได้ข้อมูลว่า นาย Michael Dylan Gregory เป็นชาวอเมริกามาเป็นครูสอนภาษาอยู่ที่ จ.ภูเก็ต ตั้งแต่ปี 2548 และกลับไปประเทศสหรัฐอเมริกา ตั้งแต่ปี พ.ศ.2555 เจ้าหน้าที่ตำรวจยังสรุปข้อมูลอะไรยังไม่ได้ เพราะตอนนี้ยังติดต่อเจ้าของรถบีเอ็มไม่ได้ และยังไม่ทราบความเชื่อมโยงระหว่างเจ้าของรถกลับรถที่ไปพบในสวนปาล์มที่ จ.นครศรีธรรมราช

ทีมข่าวลงพื้นที่บ้านเลขที่ 82/3 หมู่ 4 ต.กมลา อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต ตามภูมิลำเนาของนาย Michael Dylan Gregory พบว่าบ้านถูกปิดเงียบ นางจินดา (สงวนนามสกุล) เจ้าของบ้าน ตามภูมิลำเนาของนายไมเคิล เปิดเผยว่า นายไมเคลมาเช่าบ้านอยู่ข้างบ้านของตนอยู่ประมาณ 1 ปี ก่อนที่เจ้าตัวจะย้ายออกไปเช่าบ้านอีกหลัง ซึ่งตอนนี้เขาน่าจะกลับประเทศไป ซึ่งในช่วงที่เจ้าตัวมาเช่าบ้านตนอยู่ เขาไม่ได้มีรถ BMW ซึ่งคาดว่านายไมเคิลน่าจะซื้อรถ BMW ในช่วงที่ย้ายออกจากบ้านตนไปแล้ว เพราะเคยเห็นนายไมเคิลขับรถ BMW สีดำอยู่ช่วงหนึ่ง ก่อนที่เขาจะกลับประเทศ ซึ่งตอนนี้ตนไม่เจอเขามา 13 ปีแล้ว

ทั้งนี้ ตนเชื่อว่าการที่นายไมเคิลมีภูมิลำเนาของบ้านตน อาจเพราะเจ้าตัวอาจจะใส่ที่อยู่เก่า เป็นบ้านของตนในการใช้ซื้อขายรถ
สำหรับนายไมเคิลนั้นเป็นคนที่มีอัธยาศัยดี มีอาชีพเป็นครูสอนภาษา แต่ตนก็ไม่รู้เรื่องส่วนตัวของเขามากนัก ไม่มั่นใจว่าเขาจะมีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับเรื่องผิดกฎหมายหรือไม่ ซึ่งล่าสุดตำรวจก็ได้มีการมาสอบถามตนเกี่ยวกับเรื่องของนายไมเคิล ตนก็ยืนยันว่าตนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับนายไมเคิล