น้าเน็กขอโทษไพรวัลย์ รับไม่มืออาชีพ โซเซียลฯ แห่ขุดอดีต แต่ "ทิด" ซึ้งได้ความเป็นธรรม (คลิป)

กรณีดราม่าทิดไพรวัลย์ ลาออกจากพิธีกร รายการนินทาประเทศไทย ก่อนจะเดินออกกลางรายการ หลังจากนั้น น้าเน็ก - เกตุเสพย์สวัสดิ์ ปาลกะวงศ์ ณ อยุธยา เจ้าของรายการและพิธีกร ก็เลือกจะออกมาขอโทษด้วยการไลฟ์สดเพื่อจบดราม่า พร้อมกับลั่นวลีเด็ด "ผมไม่บังอาจไปสอนคนบวชเรียนหลายสิบพรรษาได้หรอกครับ" ทำให้กระแสตีกลับอย่างหนัก ชาวเน็ตรุมขุดวีรกรรมของน้าเน็กในอดีต 

ล่าสุดวันที่ 31 ม.ค.65 "น้าเน็ก" ก็ได้โพสต์ข้อความผ่านแฟนเพจเฟซบุ๊ก Nanake555 ระบุว่า "พี่ได้อ่านทุกคอมเมนต์ในทุกช่องทางแล้วฮะ คืนนี้คุยกันนะฮะ ไลฟ์สด 1 ทุ่ม"

เมื่อย้อนกลับไปในอดีต น้าเน็ก ก็เคยล้อเลียนกระแสศิลปินเกาหลี ซึ่งขณะนั้นเพลงของวง Super Junior กำลังโด่งดัง น้าเน็จจึงนำเพลง Sorry, Sorry มาร้องเสียดสี ก่อนจะล้อชื่อศิลปินเกาหลี

นอกจากนี้ ยังมีคลิปจากรายการ “คุยให้เด็กมันฟัง” ที่ไลฟ์สดผ่านเพจ NANAKE555 ออกอากาศเมื่อช่วงเดือนเมษายน 64 โดยมีน้าเน็ก, เสนาลิง, เสนาหอย และป๋อง กพล เป็นพิธีกร เป็นรายการที่พูดคุยเรื่องสนุกสนาน และได้โทรไปหา "ดู๋ - สัญญา คุณากร" เพื่อพูดคุยเรื่องราวเก่า ๆ มีช่วงหนึ่งของรายการที่ "ดู๋ สัญญา" พูดถึงน้าเน็กว่า "คุณหมดบารมีแล้ว อยู่ได้ด้วยบารมีเก่าและไม่เคยสร้างบารมีเพิ่ม" ก่อนจะพูดด้วยว่า “เป็นคนที่สร้างความบันเทิงได้ดี แต่ไม่ใช่คนดีนะ”

จากนั้นเวลา 19.00 น. ตามที่น้าเน็กโพสต์แจ้งผ่านเฟซบุ๊ก น้าเน็กก็ได้มาตามเวลานัดหมาย โดยกล่าวคำว่า "ขอโทษ ไพรวัลย์ โทษตัวเอง เลวทรามจริง ใจร้ายมาก ยอมรับว่าโดนตำหนิหลังภาพนั้นออกไป"

"น้าเน็ก" กล่าวในไลฟ์สดว่า "พี่มาย้อนดูคลิปรายการวันนั้นแล้ว ไพวัลย์ได้แจ้งกับทุกคนแล้วจริง ๆ และถึงเวลาได้ลุกออกไปจริง ๆ ย้อนดูแล้วเห็นปฏิกิริยากับคำพูดของตัวเองที่มีต่อ ไพรวัลย์ หมาไม่แ_ก ผมไม่เป็นมืออาชีพเลย พูดอะไรออกไป ผมคิดว่าถ้ามีสติได้ตรอง ควรมีการพูดที่ดีกว่านี้กับไพรวัลย์ ควรมีคำลาที่ดีต่อกัน หากย้อนเวลากลับไปได้ จะทำให้คนดูเห็นสปิริตของ ไพรวัลย์ พี่เสียดายที่ไม่ได้พูดคำดี ๆ กับไพรวัลย์"

อย่างไรก็ตาม ตนยอมรับทุกคำตำหนิ และขอโทษที่ไปโกรธที่ไพรวัลย์ไลฟ์สดชี้แจงในวันรุ่งขึ้น เพราะตนคิดว่าทำไมไม่โทรศัพท์มาขอโทษกัน ในวันนั้นตนโกรธมาก ๆ ได้แต่คิดว่าจะไลฟ์สดโต้ไพรวัลย์ เพราะตนเป็นคนมีอีโก้ คิดแต่ว่าจะเอาคืน กลายเป็นการขอโทษเหน็บแนม แ_กดันกันไป ตนจึงได้กลับมาทบทวนแล้วและดูไม่มีอาชีพและไม่มีเมตตา

ด้าน ทิดไพรวัลย์ วรรณบุตร ก็ได้นิมนต์ พระมหานภันต์ สันติภัทโท หนึ่งใน 4 พส. มาเทศน์สอน โดยขณะก่อนเริ่มต้นเทศน์ ไพรวัลย์ ระบุว่า "อาการผมที่เป็นอยู่ เรียกว่ากำลังสู่ขิตครับ ให้พระอาจารย์มาเทศน์สั่งสอนให้แง่คิดผม สัญญาจะไม่ลุกจากเก้าอี้ไปไหน" พร้อมกับแซวตัวเองว่า "ตอนนี้ผมเป็นคนบาป อยู่ใกล้ผ้าเหลืองก็จะร้อนหน่อย เมื่อผมเสียอะไรบางอย่าง จะได้อะไรบางอย่างกลับมา และบางอย่างที่ได้มา คุ้มค่ากับบางอย่างที่ได้เสียไป เพราะผมเสียพื้นที่ เสียยอดคนติดตาม เสียคนเคยชื่นชมที่คนเคยรักใคร่ เสียอะไรต่าง ๆ ไป แต่ว่าขณะเดียวกันสิ่งที่ผมได้ คือ กำลังใจจากคนที่ผมยังไม่แน่ใจว่าเขาดีกับผมจริงหรือเปล่า เขาเป็นมิตรกับผมมากน้อยแค่ไหน ในวันที่ผมโดนกระหน่ำ โดนยำ แน่่นอนว่าคนส่วนใหญ่มีความรู้สึกพร้อมจะยำไปด้วย ผมรู้สึกอย่างนั้น เพราะผมโดนเอง"

"ทิดไพรวัลย์" ยังกล่าวด้วยว่า "ช่วงที่เราดิ่งลงก็ยังมีคนคอยหนุน แค่ยกมือเอามารองเราก็รู้สึกถึงอะไรบางอย่าง แทนที่เราจะล้มไปเจอเหวหรือหินตรง ๆ มันก็ยังมีฝ่ามือของใครบางคนมารับหลังเราไว้ ทำให้ความเจ็บไม่เยอะมาอุ้มหัวใจผมไว้" ทั้งนี้ ทิดไพรวัลย์ ยังได้ขอให้พระมหานภันต์ เคาะศีรษะเรียกสติ พระมหานภันต์ จึงนำหนังสือธรรมะเคาะศีรษะ 

ขณะที่ พระมหานภันต์ ระบุว่า "คนรักน้องมีเยอะ ขอเป็นอีกหนึ่งคนที่หนุนใจด้วย" ทำให้ทิดไพรวัลย์มีท่าทีสงบลง และเห็นด้วยกับคำสอนของพระมหานภันต์ ที่กล่าวทิ้งท้ายว่า "บัณฑิตต่างกับคนพาล บัณฑิต นักปราชญ์ได้รับการตักเตือนจะปรับปรุง แต่คนพาลจะเพ่งโทษอย่างเดียว ขอให้น้องใช้กำลังเพ่งพินิจพิจารณา เปลี่ยนแปลงตัวเอง เพื่อเป็นประโยชน์ต่อสังคม" 

“ทิดเอก ไพรวัลย์ วรรณบุตร” ก็ได้โพสต์ความในใจถึงน้าเน็ก ระบุว่า “จากก้นบึ้งของหัวใจ ผมยังเคารพและนับถือน้าเสมอนะครับ ขอบคุณน้ามากนะครับที่มีพรหมวิหารธรรม (ธรรมะสำหรับผู้ใหญ่) ขอบคุณที่กล้าหาญกล่าวคำสัตย์ ขอบคุณที่มอบความเป็นธรรมคืนให้กับผม เรื่องนี้ผมซึ้งใจมาก ๆ ขอบคุณน้ามากนะครับ ที่ให้เกียรติผมได้ร่วมวงเสวนาเดียวกันกับน้า ขอบคุณที่ให้ประสบการณ์ซึ่งผมไม่เคยได้รับในฐานะของคนทำสื่อ

ขอบคุณน้า สำหรับแก้วเยติสลักชื่อที่ผมได้รับจากการเป็นพิธีกรในรายการนินทาประเทศไทย ทุกอย่างที่ผมได้รับจากการทำงานกับน้า แม้จะเป็นเพียงช่วงเวลาสั้น ๆ แต่มันล้ำค่าสำหรับชีวิตของผมเป็นอย่างมากครับ สุดท้ายหากมีโอกาสได้พบกันครั้งหน้า ผมขออนุญาตกอดน้าสักครั้งนะครับ ขออนุญาตกอดชดเชยจากครั้งที่แล้ว ซึ่งผมตั้งใจแต่ไม่ได้ทำมัน เคารพและนับถือน้าเสมอนะครับ”